วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Contractor Sector พัฒนาการของการลงทุนภาครัฐ
ทางด่วนมอเตอร์เวย์จตุโชติ-ลำลูกามูลค่า 2.0 หมื่นลบ.ได้เปิดประมูลการก่อสร้างเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในปีนี้
ทางด้านรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มมูลค่า 1.09 แสนลบ.ซึ่งรวมระบบเดินรถของฝั่งตะวันออกที่เสร็จสมบูรณ์แล้วและการก่อสร้างฝั่งตะวันตกสามารถเดินหน้าได้ต่อหลังคำตัดสินสุดท้ายจากศาลปกครองสูงสุด ขณะนี้ร่างสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้มระหว่าง Bangkok Expressway and Metro (BEM.BK/BEM TB)* กับภาครัฐได้ยื่นต่อรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมไปแล้วเพื่อรอนุมัติขั้นสุดท้ายจากคณะรัฐมนตรี โดยสัญญาอย่างเป็นทางการคาดจะเซ็นสัญญาได้ใน 4Q67 อย่างไรก็ดี CH Karnchang (CK.BK/CK TB)* น่าจะเป็นผู้รับเหมา ฯ หลักของโครงการนี้ ในทางกลับกัน BEM จะจัดการต้นทุนการพัฒนา (development cost) มูลค่า 1.09 แสนลบ.ในอีก 6 ปีข้างหน้า โดยที่รัฐบาลจะเริ่มจ่ายคืนต้นทุนงานโยธาที่ 9.0 หมื่นลบ.หลังจากโครงการเริ่มดำเนินงานไปได้สองปี
คาดมีโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐมากขึ้นอีกมูลค่ารวมราว 1.70-2.20 แสนลบ.ใน 2H67
โครงการก่อสร้างถนนและระบบรางหลักอืน ๆ น่าจะเปิดประมูลในปีนี้ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคายมูลค่า 3.0 หมื่นลบ., โครงการต่อขยายทางยกระดับ (M5) อุตราภิมุขช่วงรังสิต-บางปะอินมูลค่า 2.8 หมื่นลบ., มอเตอร์เวย์ (M9) ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทองมูลค่า 5.6 หมื่นลบ., โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (M7) มอเตอร์เวย์ไปอู่ตะเภามูลค่า 5 พันลบ., โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 ช่วง N2 มูลค่า 1.7 หมื่นลบ.,โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ชุมทางถนนจิระ (นครราชสีมา)-อุบล ฯ มูลค่า 3.6 หมื่นลบ.และ ตู้รถไฟฟ้าโดยสารชานเมืองสายสีแดง 3 ตู้มูลค่า 2.2 หมื่นลบ. โดยสรุปเราคาดการลงทุนภาครัฐมูลค่ารวมราว 3.00-3.50 แสนลบ.จะเปิดประมูลปีนี้ (Figure 2)
ยังมีโครงการภาครัฐใหม่ ๆ ในแผนงานอีกสำหรับปี 2568
คณะกรรมการการถไฟแห่งประเทศไทย (SRT) เพิ่งอนุมัติโครงการรถไฟทางคู่อีก 3 โครงการมูลค่ารวมราว 1.65 แสนลบ. ซึ่งจะถูกนำเข้าเสนอต่อคณะรัฐมนตรีปีนี้และการเปิดประมูลอาจเกิดปลายปี 2568 ทางด้าน โครงการทางด่วนคู่ขนานยกระดับมูลค่า 3.5 หมื่นลบ. ซึ่ง BEM จะลงทุนก่อนเพื่อแลกกับการให้ขยายเวลาสัปทานทางด่วนออกไปอีก 22.5 ปีอยู่ระหว่างการศึกษามาหลายปีแล้ว อย่างไรก็ดี BEM คาดว่าโครงการดังกล่าวนี้จะได้ข้อสรุปจากรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรีก่อนสิ้นปี 2567 หรือต้นปี 2568 ทั้งนี้ เรามองว่า CK จะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างหลักในโครงการทางด่วนยกระดับนี้
คาดกำไรใน 2Q67F จะฟื้นตัว QoQ อย่างมีนัยยะ
เราคาดว่า Sino-Thai Engineering and Construction (STEC.BK/STEC TB) จะบันทึกเงินปันผลรับราว
200 ลบ.จาก Gulf Energy Development (GULF.BK/GULF TB)* ใน 2Q67 ส่วน CK จะบันทึกเงินปัน
ผลก้อนใหญ่จาก Thai Tap Water ( TTW.BK/TTW TB) ใน 2Q67-3Q67 นอกจากนี้ BEM ยังจะบันทึก
เงินปันผลจาก TTW และ CK Power (CKP.BK/CK TB)* ใน 2Q67 ด้วย
Valuation & Action
การกลับมาของวงจรการลงทุนจากภาครัฐจะช่วยหนุนงานรับเหมาก่อสร้างในมือ (backlog) ของ CK ให้
อยู่เกิน 2.00 แสนลบ. และ STEC อยู่สูงกว่า 1.00 แสนลบ. ขณะที่ CK ซึ่งเป็นผู้รับเหมา ฯหลักใน Mega
project หลายโครงการในอดีตน่าจะได้รับประโยชน์ในลำดับต้น ๆ โดยเราคงคำแนะนำซื้อหุ้น CK ราคา
เป้าหมายที่ 27.00 บาท และแนะนำถือ STEC ราคาเป้าหมายที่ 9.50 บาท ส่วน BEM ยังจะได้รับ
ประโยชน์ในระยะยาวเพราะว่าโครงการใหม่ ๆ เช่น โครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มจะเริ่มเดินรถทาง
ฝั่งตะวันออกได้ปี 2571 และฝั่งตะวันตกน่าจะอยู่ในปี 2573-74
ส่วนรถไฟฟ้าสีม่วงฝั่งใต้ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง กำหนดเริ่มเดินรถในปี 2570 ในแง่ ข้อเสนอของรัฐมนตรีคมนาคมเพื่อกำหนดเพดานค่าทางด่วนไว้ที่ 50 บาท/เที่ยว (จาก 85-90 บาท) ไม่น่าจะส่งผลต่อ BEM เพราะรัฐบาลจะช่วยรับภาระขาดทุนจากส่วนต่างนี้ อย่างไรก็ดี เราคงคำแนะนำซื้อ หุ้น BEM ประเมินราคาเป้าหมายที่ 9.80 บาท
Risks
ความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ ๆ การแก้ไขสัญญาต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนฎระเบียบต่าง ๆ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการปรับเพิ่มขึ้นของค่าแรงงานขั้นต่ำ