วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ใช้มาตรการ Uptick

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ใช้มาตรการ Uptick

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ซึ่งระหว่างช่วงการซื้อขายหลุดแนวรับที่ 1,300 จุด สวนทางกับตลาดต่างประเทศ มีแรงขายมากในหุ้น EA และ AOT จากปัจจัยเฉพาะตัว โดยนักลงทุนรอการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา

เพื่อหาแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,300.96 จุด -8.50 จุด -0.65 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,511.5 ลบ. (ณ สิ้นสัปดาห์ ดัชนี -5.45 จุด -0.42% สิ้นเดือนมิถุนายน 67 ดัชนี -44.70 จุด -3.32% จากเดือนก่อน และสิ้นไตรมาส 2/67 ดัชนี -76.98 จุด -5.59% จากไตรมาส 1/67 ) Program Trading -1,550.3 ลบ. ต่างชาติ -2,620.4 ลบ. TFEX -18,716 สัญญา ตราสารหนี้ -1,220.4 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ สหรัฐรายงานดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ FED ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.6%YoY ในเดือนพ.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ข้อมูลจาก LSEG ส่งผลให้ FedWatch บ่งชี้ว่าแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 66%
+ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอาจปรับลดราคาน้ำมันดิบที่ขายให้กับภูมิภาคเอเชียเป็นเดือนที่สองในเดือนส.ค.นี้ ตามการลดลงของราคาน้ำมันดิบดูไบซึ่งเป็นราคาอ้างอิงในตะวันออกกลาง
+คาดว่ามาตรการ uptick ที่จะเริ่มใช้วันนี้จะช่วยลดความผันผวนของภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
+/- จีนรายงานดัชนี PMI ภาคบริการในเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับ 50.5 แม้ลดลงจากเดือนพ.ค.แต่ค่าดัชนีสูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวต่อเนื่อง

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 45.20 จุด หรือ -0.12% ขณะที่ นักลงทุนซึมซับข้อมูลเงินเฟ้อที่เป็นไปตามคาด และประเมิน ความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังจากการดีเบตรอบแรก ของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 20 เซนต์ หรือ -0.24% ปิดที่ 81.54 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนประเมินภาวะอุปสงค์น้ำมันเชื้อเพลิงที่อ่อนแอในสหรัฐ และขายสัญญาน้ำมันดิบเพื่อ ทำกำไรในช่วงสิ้นไตรมาส ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพ.ค. เพิ่มโอกาสที่ FED จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
 

 

- จีนรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับ 49.5 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ค. โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของจีนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดว่า กระทรวงเหล็กและกระทรวงพาณิชย์ของอินเดียกำลังหารือเกี่ยวกับการนำเข้าเหล็กจากจีนที่พุ่งขึ้น ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้ปรับขึ้นภาษีนำเข้า
- เกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธ 2 ลูกในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 2 ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์
- ตลท. สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-28 มิถุนายน 2567 พบว่าสถาบัน ในประเทศซื้อสุทธิ 4,015.68 ล้านบาท บัญชีบริษัท หลักทรัพย์ ขายสุทธิ 789.00 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 117,031.49 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 113,804.81 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ระยะสั้น เนื่องจากมีการบังคับใช้มาตรการ Uptick ที่เริ่มใช้วันนี้ ซึ่งจะทำให้ธุรกรรมการขาย Short ทำได้อยากขึ้น แต่ยังคงมีประเด็นการเมืองในประเทศที่ต้องติดตามใกล้ชิด โดยศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 3 ก.ค. นี้ คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,290 -1,310 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• สินค้าส่งออกเดือน พ.ค. เติบโตดี : HANA KCE CCET AAI ITC STA NER
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน DATA CENTER และ CLOUD SERVICE : GULF ADVANC TRUE INSET ITEL

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

AU "ซื้อ" Bloomberg Consensus 12.60 บาท Upside 66%
มุมมองบวกต่อผลประกอบการทั้งปี 67 ส่วนงวด 2Q67 คาดเติบโตทั้ง YoY QoQ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ใช้มาตรการ Uptick

•งวด 1Q67 มีกำไร 54 ลบ. +59%YoY +15%QoQ โดยมีรายได้จากการขาย 340 ลบ. +29%YoY +7%QoQ มีปัจจัยเติบโตหลักมาจากธุรกิจร้านขนมหวาน (สัดส่วน 88%) +32%YoY จากการขยายสาขา After You ที่เพิ่มขึ้นสู่ 61 สาขา (+8 สาขา YoY +1 สาขา QoQ) และ SSSG ที่เติบโตดี 15.2%YoY จากกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นโต (สัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 22% สู่ 31.6%) ตลอดจนการเปิดตัวเมนูใหม่ๆ ที่ได้กระแสตอบรับดี อาทิ ขนมปังเนยโสดน้าตาลโตนด และมะยงชิดคากิโกริ เป็นต้น ส่วน %GPM ปรับดีขึ้นมาที่ระดับ 66.5% (1Q66 = 63.6%, 4Q66 = 65.0%) จากการขายแบบ Dine-in ที่มีมาร์จิ้นดีกว่าแบบ Take-home มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ 2Q67 คาดจะเติบโต ต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ จากการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนและเป็นไตรมาสที่มีวันหยุดยาว ประกอบกับการเริ่มต้นขายสินค้าในร้าน 7-Eleven คือ ไอศครีมฮันนี่โทสต์ (Nestle x After You) เมื่อช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ส่วนทั้งปี 67 มีแผนขยาย ร้าน After You ทั้งหมด 10-12 สาขา ร้านลูกก๊อ 5-7 สาขา รวมทั้งแผนขยาย Franchise ไปยังกลุ่ม CLMV ในช่วง 3Q67 โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรและราคาเหมาะสมปี 67 ราว 222 ลบ. +25%YoY และ 12.60 บาท มี Upside 66% แนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) BGRIM (Bloomberg consensus 35.00 บาท) รุกลงทุนโรงไฟฟ้าต่างประเทศ แย้มศึกษา "M&A-สร้างใหม่" หลายโครงการ เน้น IRR 10-12% คาดชัดเจนครึ่งปีหลัง เตรียมนำเข้า LNG-ออกหุ้นกู้เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิม-ขยายธุรกิจ เผยลูกค้าดาต้าเซ็นเตอร์ 3-4 ราย จ่อลงทุนในไทยช่วง 1-2 ปี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) IND (Bloomberg Consensus - บาท) เซ็นสัญญากรมทางหลวงมูลค่า 17.02 ล้านบาท หนุนงานในมือพุ่งแตะ 1.38 พันล้านบาท ฟากบิ๊กบอส "ดร.พรลภัส ณ ลำพูน" ประกาศเดินหน้ายื่นประมูลโปรเจ็กต์ใหม่จากภาครัฐและเอกชนต่อเนื่อง เสริมศักยภาพการแข่งขัน พร้อมตั้งเป้าปั๊มผลงานปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 15% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ITEL (Bloomberg consensus 3.80 บาท) เตรียมรับทรัพย์ หลังภาครัฐผลักดันเบิกจ่ายงบประมาณ ด้าน IT ล่าสุดไฟเขียวเดินหน้าแผน USO 3 วงเงิน 5,862 ล้านบาท ลุยประมูลงานเติม Backlog ในมืออยู่ราว 2,471 ล้านบาท ส่งซิกปี 2567 บุ๊กรายได้ใหม่จากบริษัทที่เข้าไปลงทุน "ธุรกิจเทคโนโลยีทางด้านสุขภาพ" หนุนผลงานโตระยะยาว (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BTG (Bloomberg Consensus 25.75 บาท) เดินหน้าสร้างรากฐานความมั่นคงด้านอาหารในภูมิภาคอาเซียน รุกสร้างโรงงานอาหารสัตว์แห่งแรกที่ สปป.ลาว กาลังผลิต 108,000 ตันต่อปี ขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์อาหารสู่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ คาดดันรายได้ธุรกิจต่างประเทศปี 2567 โตกว่า 22% (ที่มา ทันหุ้น)