วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ การฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบบวกต่อทิศทางการปรับประมาณการ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ การฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบบวกต่อทิศทางการปรับประมาณการ

ความผันผวนจากปัจจัยภายนอกช่วงสองสัปดาห์นี้จะอยู่ที่การแสดงความเห็นของประธานเฟด และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ

ปัจจัยติดตามที่สำคัญได้แก่ 1) การแสดงความเห็นในการประชุมที่จัดโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) (2 ก.ค.) ประธานเฟดมองเงินเฟ้ออยู่ในเส้นทางปรับลง แต่ต้องการความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะลงสู่ 2% ก่อนเริ่มกระบวนการผ่อนคลาย 2) ประธานเฟดมีกำหนดการแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจต่อกมธ.การธนาคาร (9 ก.ค.) และกมธ.การเงิน (10 ก.ค.) 3) ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พ.ค. เพิ่มขึ้น 221,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 8.14 ล้านตำแหน่ง (สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 7.96 ล้านตำแหน่ง) 4) ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร มิ.ย. ของสหรัฐฯ คาดจะเพิ่มขึ้น 189,000 ตำแหน่ง (พ.ค.เพิ่ม 272,000 ตำแหน่ง) และคาดว่าอัตราว่างงาน มิ.ย. จะทรงตัวที่ระดับ 4.0% // ทั้งนี้เรามองเฟดเดินหน้าเข้าสู่การเริ่มลดดอกเบี้ยที่อาจจะเกิดในช่วง ก.ย.

ราคาน้ำมันหนุนประมาณการกำไรเข้าสู่ Upgrade cycle คงมุมมองบวกต่อครึ่งปีหลัง แต่ ก.ค. อาจมีความผันผวนจากผลประกอบการและประเด็นการเมือง ทำให้อาจต้องเลือกหุ้นที่ Defensive มากขึ้นในระยะสั้น ประมาณการกำไรของ SET Index ปรับตัวขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากโมเมนตัมการปรับประมาณการในหุ้นหลายกลุ่ม ทั้งนี้หากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้กำไรบจ.ของไทยเข้าสู่วัฏจักรของประมาณการกำไรขาขึ้น (Earnings upgraded cycle) เรายังคงมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลัง 2567 อย่างไรก็ตามเรามองตลาดระยะสั้นอาจผันผวน แต่กลุ่มที่ผลประกอบการมั่นคง คาดจะเคลื่อนไหวได้กว่า โดยเฉพาะ สื่อสาร, โรงไฟฟ้า และหุ้นอื่นที่มีปัจจัยบวกรายตัว เรามองการปรับลงเป็นโอกาสซื้อ
 

ภาพรวมกลยุทธ์ เลือกเก็งกำไรรายตัว อาจผันผวนจากการรายงานผลประกอบการ แต่คงมุมมองว่าช่วง ก.ค.-ส.ค. เรามอง SET เข้าสู่จุดซื้อที่ดีที่สุดในรอบ 12-18 เดือน ข้างหน้า และด้วย Valuation ของ SET ที่แข็งแกร่งในระดับ 1,300 จุด ประเมินความเสี่ยงของการลงอยู่ที่ระดับ 1,270-1,290 และมองการลงแรงถึงระดับ 1,100-1,200 จุด อยู่ในระดับต่ำ // กลุ่มอาหาร สื่อสาร บรรจุภัณฑ์ มีแนวโน้มช่วงสั้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาด

แนวรับ: 1,270-1,290 / แนวต้าน : 1,310 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

ADVANC* (218) : ผลประกอบการฟื้นตัวตามกำลังซื้อ และรายได้เกษตรกร และอยู่ในช่วงที่มี แนวโน้มถูกปรับประมณการกำไรขึ้น อีกทั้งหุ้นซื้อขายด้วย PER ในโซนต่ำในรอบ 3 ปี  ตัดขาดทุน 207 บาท 

BBGI (10) : ผลประกอบการฟื้นตัวจากธุรกิจไบโอดีเซลล์ และการมีส่วนแบ่งธุรกิจน้ำมันอากาศยานยั่งยืนร่วมกับบางจาก ตัดขาดทุน 6.00 บาท  

RATCH* (29) : ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER 11 เท่า และให้ผลตอบแทนเงินปันผลในระดับ 5% ตัดขาดทุน 25 บาท 

CBG (78) : ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ผลประกอบการมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภค และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างดิจิทัลวอลเล็ต ตัดขาดทุน 66 บาท

 


 

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    สหรัฐเผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานสูงกว่าคาดในเดือนพ.ค. 
-    พาวเวล เลี่ยงคำถามการหั่นดอกเบี้ย แต่ชี้ให้เห็นถึงการลดลงของเงินเฟ้อเป็นไปตามแผน 
-    ThaiBMA คาด 2H24 เอกชนออกหุ้นกู้กว่า 4.4 แสนลบ.ผิดนัดลดลง 
-    พีระพันธุ์ จ่อเรียกประชุมศึกษาแผน PDP ฉบับใหม่ ต้องทบทวนกำลังการผลิตให้เหมาะสม
-    รมช.คลัง มอบนโยบาย ธอส. ขยายเวลาผ่อนบ้านเพิ่มสูงสุด 85 ปี 
-    AOT นัดเคลียร์ King Power ยุบ Duty Free ขาเข้า 5 สนามบิน
-    BEM เริ่มวันนี้ 3 ก.ค. รถไฟฟ้า mrt สายสีน้ำเงินปรับขึ้นราคา 1-2 บาท 
-    EA ลั่นไม่มีแผนเพิ่มทุน ยันรับ RO NEX เกินสิทธิ
-    YGG แจ้ง ศิรกาญจน์ สุทธิเกียรติ ลาออก CFO มีผลทันที
-    5 อันดับแรกมูลค่าขายชอร์ตมากสุด AOT-R, DELTA-R, AOT, PTT, CPF
-    5 อันดับแรก มูลค่า Short Covering HANA-R, HANA, EA-R, EA, TOP
-    ธนาคารแห่งประเทศไทยให้แนวโน้มภาพเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีขึ้น

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

3 ก.ค. – FOMC Minutes, ศาลรธน. พิจารณาเอกสารเพิ่มเติมคดีก้าวไกล
5 ก.ค. - Non Farm Payrolls (Jun) /Unemployment Rate (Jun)