วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.โกลเบล็ก NCP ผู้นำด้านการทำตลาดแบบตรง
บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าและให้บริการทำการตลาดแบบตรงผ่านช่องทางการขายทางโทรศัพท์ (Telemarketing) มี 3 กลุ่มธุรกิจ
คือ 1) ธุรกิจการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telemarketing) 2) ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และ 3) ธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) โดยวัตถุประสงค์ของการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ 1) ก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ 2) ก่อสร้างสถานที่ทำงานในเรือนจำ 3) พัฒนาระบบเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ และ 4) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมของ NCP ในปี 67 ที่ 2.52 บาทต่อหุ้น
ประเด็นสำคัญในการลงทุน
• ช่วงปี 64-66 กำไรหดตัวเฉลี่ย CAGR 23% ต่อปี แต่ 1Q67 พลิกโต 10%YoY: ช่วงปี 64-66 มีรายได้ 191 ลบ. 181 ลบ. และ 173 ลบ. ตามลำดับ หดตัวเฉลี่ย CAGR 1.5% ต่อปี โดยหลักมาจากการลดลงของรายได้กลุ่มสินค้าอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ (สัดส่วน 57%) หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง แต่ถูกชดเชยด้วยกลุ่มสินค้าเวชสำอาง (สัดส่วน 37%) ปรับตัวดีขึ้น ส่วน %GPM มีแนวโน้มปรับดีขึ้นอยู่ที่ 56.0% 57.3% และ 57.8% ตามลำดับ จากสัดส่วนการขายสินค้า House Brand ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการปรับขายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ขณะที่ SG&A/Sales มีแนวโน้มเร่งขึ้นมาที่ 13.5% 16.6% และ 19.5% ตามลำดับ จากค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัวเข้าตลาดฯ และการเตรียมพนักงานและผู้บริหารเพื่อรองรับการเติบโต ส่งผลให้ช่วงปี 64-66 มีกำไรสุทธิ 26 ลบ. 20 ลบ. และ 13 ลบ. ตามลำดับ หดตัวเฉลี่ย CAGR 23% ต่อปี ขณะที่งวด 1Q67 มีรายได้ 45 ลบ. -1%YoY จากยอดขายกลุ่มสินค้าของคู่ค้าที่ปรับตัวลดลง แต่ชดเชยด้วยการขายสินค้า House Brand ที่ปรับตัวดีขึ้น และสนับสนุนให้ %GPM ปรับดีขึ้นสู่ 60.1% ส่งผลให้งวด 1Q67 มีกำไรสุทธิ 2.7 ลบ. +10%YoY
• คาดการณ์กำไรงวดปี 67-68 ราว 32 ลบ. +159%YoY และ 50 ลบ. +54%YoY ตามลำดับ เราคาดการณ์รายได้ช่วงปี 67-68 ราว 262 ลบ. +51%YoY และ 335 ลบ. +28%YoY ตามลำดับ บนสมมติฐาน Best Scenario จากทั้ง 3 ส่วนธุรกิจ คือ 1) ธุรกิจการขายสินค้าผ่านช่องทางการขายทางโทรศัพท์ 2) ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายสินค้าครั้งแรก (Upselling Service) และ 3) ธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขายโดยเฉพาะเจาะจง (Dedicated Telesale Outsourcing) โดยหลักมาจากแผนการเพิ่มจำนวนพนักงาน เพื่อรองรับฐานข้อมูลรายชื่อลูกค้าที่บริษัทมีทั้งหมดกว่า 5 ล้านราย และเพื่อรองรับสำหรับคู่ค้าในธุรกิจใหม่ ส่วน %GPM คาดทรงตัวที่ราว 57% ขณะที่ %SG&A/Sales จะทยอยปรับลดลงสู่ 42% และ 38% ตามลำดับ จากปี 66 อยู่ที่ 49% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการนำหุ้นเข้าตลาดฯราว 3 ลบ./ปี ทยอยหมดไป และการเติบโตในธุรกิจ Upselling Service และ Dedicated Telesale Outsourcing ซึ่งต้นทุนพนักงานจะถูกบันทึกเป็นต้นทุนในการขายและบริการ แตกต่างจากธุรกิจ Telesales ซึ่งต้นทุนจะถูกบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในการขาย ส่งผลให้เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67-68 ราว 32 ลบ. +159%YoY และ 50 ลบ. +54%YoY ตามลำดับ
• ประเมินราคาเหมาะสม NCP ปี 67 ราว 2.52 บาท: ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาเหมาะสม NCP โดยอิง Prospective PE ที่ระดับ 14.0x เท่ากับระดับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจที่ทำเกี่ยวข้องกับ Direct Marketing รวมถึงธุรกิจที่มีการทำ Telesales Marketing โดยเราคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 67 ราว 0.18 บาท คำนวณเป็นราคาเหมาะสมของ NCP ปี 67 ราว 2.52 บาท
ปัจจัยเสี่ยง
1) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของความต้องการสินค้าที่บริษัทฯจัดจำหน่าย
2) ความเสี่ยงจากการที่ต้องพึ่งพิงการส่งมอบสินค้าของคู่ค้าพันธมิตรและคู่ค้าโรงงานผลิตสินค้าแบรนด์ของบริษัทฯ (House Brand)
3) ความเสี่ยงจากการขาดแคลนบุคลากรดำเนินงาน
4) ความเสี่ยงจากการที่ลูกค้าอาจมีความกังวลจากจากการรับสายโทรเข้าสืบเนื่องจากภัยอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Gang Call Center)
5) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของกลยุทธ์การทำตลาดสมัยใหม่
6) ความเสี่ยงด้านการประมาณการของผลประกอบการในอนาคต
**Globlex Securities เป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้จัดจำหน่าย