วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SUN รอจังหวะเหมาะรอบใหม่อีกไม่นาน
คาดว่ากำไรสุทธิของ SUN ใน 2Q67F จะอยู่ที่ 60 ล้านบาท (ทรงตัว YoY, +10% QoQ) ถึงแม้ว่ายอดขายสินค้าพร้อมรับประทาน (RTEs) จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
แต่คาดว่ายอดขายรวมจะลดลง 15% YoY เหลือ 800 ล้านบาท เนื่องจากการส่งออกข้าวโพดหวานลดลงจากสภาวะการแข่งขัน และ ฐานที่สูงในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกค้าตุนสต็อกเพิ่มจากความกังวลเกี่ยบกับปัญหาอุปทานขาดแคลน อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่ลดลงน่าจะถูกชดเชยด้วย GPM ที่เพิ่มขึ้น 1.4ppts YoY เป็น 22.3% เนื่องจากประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น, ต้นทุนวัตถุดิบลดลง และ เงินบาทอ่อนค่าลง ทั้งนี้ เราคาดว่า SUN จะ
บันทึกผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 25 ล้านบาท จากที่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 27 ล้านบาทใน
1Q67 และ 42 ล้านบาทใน 2Q66 ในขณะเดียวกัน กำไรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ จะเป็นเพราะยอดส่งออก
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากปัจจัยฤดูกาล และ สินค้าในสต็อกกลับมาอยู่ในระดับปกติ
คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น HoH ใน 2H67F เพราะเป็นหน้าส่งออก และ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ SUN ในงวด 2H67F จะเพิ่มขึ้น HoH เพราะไตรมาสที่สามเป็นช่วงที่การส่งออก
สูงตามฤดูกาล และ คาดว่าจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดส่งออกยังคงเป็นความท้าทายของ SUN ในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับฐานที่สูงในปี 2566 เพราะการแข่งขันเข้มข้นมากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทกำลังพยายามจะจับตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะในสหรัฐ ซึ่ง SUN มีความสามารถในการแข่งขันของสินค้าบางรายการที่ต้องใช้แรงงานคน ในขณะเดียวกัน เราคาดว่า บริษัทจะเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตอย่างเป็นชิ้นเป็นอันรอบใหม่หลังจากที่โรงงาน RTEs แห่งใหม่สร้างเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า (กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น 200%) ทั้งนี้ SUN ได้พัฒนาสินค้า RTE ที่มีอายุเก็บรักษานานขึ้นสำหรับตลาดส่งออก และ เริ่มจัดส่งสินค้าล็อตแรก (มันหวาน) ไปญี่ปุ่นแล้วเพื่อทดสอบตลาดในเดือนกรกฎาคม
Valuation & action
เนื่องจากการแข่งขันเข้มข้นมากขึ้น และ คาดว่าการส่งออกข้าวโพดหวานจะลดลง เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F ลง 11% เหลือ 288 ล้านบาท (-20% YoY) และ ปี 2568F ลง 13% เหลือ 355 ล้านบาท (+23% YoY) เพราะเราปรับลดประมาณการยอดขายปีนี้ลง 10% และ ปีหน้าลง 6% อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจะผ่านจุดต่ำสุด และ แนวโน้มระยะกลาง และ ยาวจะเป็นบวกจากการขยายตัวของกลุ่ม RTEs ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจากขายเป็นถือ และ ขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H68 ที่ 4.20บาท จากเดิมที่ 4.10 บาท อิงจาก PER ที่ 9.8x หรือ -0.25S.D.
Risks
อัตราแลกเปลี่ยน, การแข่งขันเข้มข้นขึ้น และ สภาพภูมิอากาศ