กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ปรับฐานต่อ แนะนำทยอยสะสมหุ้นธีมเศรษฐกิจภายในประเทศ

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ปรับฐานต่อ แนะนำทยอยสะสมหุ้นธีมเศรษฐกิจภายในประเทศ

กลับเข้าสู่โหมดระมัดระวัง เพราะความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในสัปดาห์ที่แล้ว (29 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม) ตลาดหุ้นไทยเกิด correction และ อ่อนแอกว่าที่เราคาดเอาไว้ เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้

ประการแรก ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญเดือนกรกฎาคมออกมาแย่ลงอย่างมาก โดยตัวเลขที่สำคัญที่สุดคือการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่า consensus ที่ 175,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ระดับของ Fed Fund Futures ในปัจจุบันสะท้อนความคาดหมายของตลาดว่า FOMC จะลดดอกเบี้ย 50bps ในการประชุมเดือนกันยายน

ประการที่สอง นักลงทุนยังลังเลที่จะเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มผู้บริโภคอย่างเต็มที่ แม้จะเริ่มเปิดลงทะเบียนมาตรการ digital wallet แล้ว เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าการจับจ่ายใช้สอยรอบใหม่จะมาจากไหนหลังจากที่ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิทัลใช้เงิน 10,000 บาท ที่ได้รับจากรัฐบาลจากร้านค้าขนาดเล็ก และ ร้านสะดวกซื้อหมดไปแล้ว

สำหรับในสัปดาห์นี้ (5 – 9 สิงหาคม) เราคาดว่าดัชนี SET น่าจะแกว่งลงต่อจากปลายสัปดาห์ก่อน โดยปัจจัยภายนอกดูเป็นลบมากขึ้น

ปัจจัยแรก คือ นักลงทุนกลับมาเป็นกังวลมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และ ตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงซึ่งอาจจะเป็นประเด็นที่ฉุดรั้งภาวะตลาด นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า Berkshire Hathaway ขายหุ้น Apple Inc. ที่ถืออยู่ออกไปถึงเกือบครึ่ง

ปัจจัยที่สอง คือ เรายังคงมองว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะ outperform ตลาดหุ้นอื่น ๆ ในเอเชีย เพราะมีส่วนที่
เกี่ยวข้องกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐไม่มากนัก บวกกับมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ในขณะเดียวกัน เรากำลังติดตามว่าความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐจะส่งผลกระทบกับตลาดน้ำมันดิบอย่างไร ซึ่งในกรณีนี้จะส่งผลกระทบกับดัชนี SET ผ่านหุ้นกลุ่มพลังงานมากกว่า

 

 

ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ และ จีน รวมถึงคำตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล

ปัจจัยต่างประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ดัชนี ISM ภาคบริการเดือนกรกฎาคมในวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้วัดภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งภาคบริการมีน้ำหนักถึงประมาณ 80% ii) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของจีนทั้ง Caixin PMIs (5 สิงหาคม), ยอดการนำเข้า-ส่งออกรายเดือน (8 สิงหาคม) และอัตราเงินเฟ้อ (9 สิงหาคม)

ปัจจัยในประเทศ: นักลงทุนควรติดตามเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองในวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล

ซื้อสะสมเมื่อย่อ โดยเน้นหุ้นในธีมที่เราระบุไว้ในกลยุทธ์ตลาดเดือนสิงหาคม

เนื่องจากเรามองว่า Fed อาจจะลดดอกเบี้ยลงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยอย่างรุนแรง และ ประเทศไทยมีประเด็นภายในประเทศที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 2H67 อยู่สองสามประเด็น ดังนั้น เราจึงแนะนำให้นักลงทุนซื้อสะสมหุ้นในช่วงที่ตลาดย่อลงมา ทั้งนี้ ดังที่เราระบุไว้ในบทวิเคราะห์กลยุทธ์เดือนสิงหาคม คือเราชอบหุ้นกลุ่มธนาคาร, หุ้นบางตัวในกลุ่มผู้บริโภค,หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และ หุ้น ICT โดยหุ้นเด่นที่เราคัดมาในเดือนนี้ได้แก่ BBL*, KTB*, CPALL*, BEM* และ TRUE* นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ลดลงมาอย่างมากยังดูเป็นบวกกับหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยอย่างเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค โดยเรามองว่า BGRIM* และ GPSC* เป็นหุ้นสองตัวที่น่าสนใจในธีมดังกล่าว