วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US CPI & คดีถอดถอนนายกฯ เศรษฐา
ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Up แนวต้าน 1,305 จุด(EMA 25 วัน)/1,310 จุด แนวรับ 1,287/1,282 จุด ภาพระยะกลาง เคลื่อนไหวอยู่ใน Down Channel กรอบ 1,250-1,338 จุด
ส่วนในระยะสั้น อยู่ระหว่างไต่สูงขึ้น (ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดปีนี้ 1,273.17 จุด เมื่อวันที่ 5 ส.ค.) โดยมีเป้าหมายที่ 1,327-1,332 จุด หากสามารถปรับขึ้นมายืนเหนือ Gap 1,310.52 จุด ที่เปิดไว้เมื่อวันที่ 5 ส.ค. เราแนะนำกลับมาซื้อ หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยกฟ้องคดีถอดถอนนายกฯเศรษฐา อิง Reward ที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับ Risk
ประเด็น Event สำคัญวันนี้
US: 2Q24E Earnings Results จับตารายงานผลกำไร Cisco Systems คาด 4Q24E EPS USD0.85 Vs Previous EPS USD1.14; CH Tencent Holdings คาด 2Q24E EPS HKD5.10 Vs Previous EPS HKD3.90; JD.COM คาด 2Q24E EPS USD6.24 Vs Previous EPS USD5.39
TH Earnings Results: AOT ASK AWC BTS CENTEL CK CPF EGCO ERW ORI OSP SAK SIRI STA STGT TKN WARRIX ฯลฯ
TH คดีถอดถอนนายกฯ เศรษฐา กรณีแต่งตั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ซึ่งเป็นคดีที่เราประเมินว่าจะมีนัยต่อตลาดทุนมาก กรณีเลวร้ายสุด หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง และเกิดความวุ่นวายในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จนกระทบถึงความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายภาครัฐ ตลาดอาจมีการเรียก MRP สูงกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 90 วัน ไปถึง 5 S.D. หรือเทียบกับ SET ที่ระดับ 1,203 จุด (Figure 2) อ้างอิงจากข้อมูลในอดีต ในช่วงที่เกิดความเสี่ยงทางการเมืองแบบมีนัย อาทิ การชุมนุม นปช. (2010), การชุมนุมของ กปปส. และการปฏิวัติรัฐประหาร (2013-2014) และการยุบพรรคอนาคตใหม่ (2020)
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
US: รายงานเงินเฟ้อ Inflation Rate เดือน ก.ค. คาด +0.2% MoM, +2.9% YoY (Vs เดือน มิ.ย. +0.1% MoM, +3% YoY) และ Core Inflation Rate เดือน ก.ค. คาด +0.2% MoM, +3.2% YoY (Vs เดือน มิ.ย. +0.1% MoM, +3.3% YoY) โดย ณ สิ้นเดือน ธ.ค. Trading Economics คาดว่า Headline และ Core Inflation ปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.3% YoY และ 2.0% YoY ตามลำดับ เพิ่มโอกาสให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยนโยบายได้อย่างต่อเนื่อง
EU: รายงาน 2Q24E GDP Growth ครั้งที่สอง คาดเท่ากับครั้งแรกที่ +0.3% QoQ, +0.6% YoY (Vs 1Q24 GDP Growth +0.3% QoQ, +0.5% YoY) ส่วน Industrial Production เดือน มิ.ย. คาดเติบโต +0.7% MoM, -2.9% YoY (Vs เดือน พ.ค. -0.6% MoM, -2.9% YoY)
UK: รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ค. คาด +0.1% MoM, +2.3% YoY (Vs เดือน มิ.ย. +0.1% MoM, +2% YoY)
JP: รายงาน 2Q24E GDP Growth (ประกาศเช้าวันพฤหัสฯ โดยตลาดคาดเติบโตสูงขึ้นเป็น +0.5% QoQ คิดเป็น Annualized +2.1% (Vs 1Q24 GDP เติบโต -0.5% QoQ คิดเป็น Annualized -2.0%)
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่มีประเด็นบวก ได้แก่ BH GULF KTB
Strategic daily picks
BH ปิด 245.00 บาท/แนวรับ 236.00 บาท แนวต้าน 258.00 บาท
2Q24 มีกำไรสุทธิ 1.93 พันล้านบาท (+10.5% YoY) และรายได้รวม 6.33 พันล้านบาท (+3% YoY) และ 1H24 มีกำไรสุทธิ 3.92 พันล้านบาท (+17.6% YoY) และรายได้รวม 1.29 หมื่นล้านบาท (+5.4% YoY) เนื่องจากรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 6% ตามรายได้ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่ม 6.2% และผู้ป่วยไทยเพิ่ม 5.4% พร้อมจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดใน 1H24 ที่ 2.00 บาท ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าเหมาะสม 288.78 บาท
GULF ปิด 47.50 บาท/แนวรับ 46.50 บาท แนวต้าน 49.50 บาท 2Q24
มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 4.74 พันล้านบาท (+64.3% YoY, +35.5% QoQ) และกำไรจากการดำเนินงาน 4.78 พันล้านบาท (+34% YoY, +15% QoQ) เป็นผลจากการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ พร้อมกันนี้บริษัทยังคงประมาณการเติบโตของรายได้รวมปี 2024 ที่ประมาณ 25-30% ส่วนการควบรวมกิจการระหว่าง GULF และ INTUCH อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ คาดจะแล้วเสร็จใน 2Q25 ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าเหมาะสม 57.46 บาท
KTB ปิด 18.00 บาท/แนวรับ 17.50 บาท แนวต้าน 18.90 บาท
KTB ยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมในปี 2024 ที่ 3% (แม้ 1H24 ยังหดตัว 0.7% จาก 1H23) เน้นสินเชื่อรายใหญ่และภาครัฐเป็นหลัก รวมทั้งตั้งเป้า Net Interest Margin (NIM) ที่ระดับ 3.0-3.3%(1H24=3.35%) โดยธนาคารคาด 2H24 การเร่งใช้จ่ายงบภาครัฐ จะทำให้เกิดความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่) และ Yield จะลดลง จากการแข่งขันในกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าเหมาะสม 20.67 บาท