วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ CPAXT คาดว่าจะดี
SSSG เป็นบวกระดับเลขตัวเดียวต่ำ ๆ QTD ทั้งในธุรกิจค้าปลีก และ ค้าส่ง บริษัทมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับกำลังซื้อ เพราะยังขาดปัจจัยใหม่ ๆ ที่จะมาขับเคลื่อนการบริโภคในประเทศ
โดยคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบางมาตรการจะเป็นปัจจัยใหม่ที่จะมาช่วยกระตุ้นการบริโภค ทั้งนี้ same-store-sales QTD ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับใน 2Q67 ทั้งในส่วนของธุรกิจค้าส่งและ ค้าปลีก โดยใน 2Q67 SSSG ของธุรกิจค้าส่งอยู่ที่ 1.8% และ ของธุรกิจอยู่ที่ 3.5% ซึ่งบริษัทคาดว่า SSSG ของธุรกิจค้าส่งน่าจะสูงกว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ในขณะที่ตั้งเป้า SSSG ของธุรกิจค้าปลีกไว้ที่ระดับเลขตัวเดียวกลาง ๆ เราใช้สมมติฐาน SSSG ของทั้งธุรกิจค้าส่ง และ ค้าปลีกในปีนี้ที่ 5%
การคัดสินค้าโดยเน้นอาหารสดจะช่วยให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้น
บริษัทจะยังเดินหน้าคัดสินค้าต่อไป โดยเฉพาะในหมวดอาหารสด ดังนั้น อัตรากำไรขั้นต้นจึงน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในครึ่งหลังของปีนี้ ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจค้าส่งเพิ่มขึ้นประมาณ 30bps ในงวด 1H67 และคาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราเท่า ๆ เดิมใน 2H67 ในขณะเดียวกัน อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจค้าปลีกทรงตัวในงวด 1H67 โดยบริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจค้าปลีกให้ได้ประมาณ 50bps ในปี 2567F โดยหลัก ๆ จะมาจากสินค้าหมวดอาหาร
คาดว่า SG&A จะกลับเข้าสู่ระดับปกติในปี 2568
เราคาดว่าบริษัทน่าจะคุมค่าใช้จ่าย SG&A ของธุรกิจค้าปลีกได้ ในขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A ของธุรกิจค้าส่งมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกจากช่องทาง omni channel อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าค่าใช้จ่าย SG&A ของธุรกิจค้าส่งจะกลับเข้าสู่ระดับปกติในปี 2568 เนื่องจากยอดขายผ่านช่องทาง omni-channel สูงขึ้น
คาดว่าจะเห็น Synergy จากการควบกิจการอีกในปีนี้
บริษัทยังคงคาดว่าจะเกิด synergy จากการควบกิจการประมาณ 1% ของยอดขายรวม หรือคิดเป็นมูลค่า 5
พันล้านบาท โดยคาดว่าจะเห็นอานิสงส์ในบางด้านอย่างเช่นการประหยัดต้นทุนในปลายปีนี้ หลังจากที่กระบวนการควบกิจการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ในขณะที่คาดว่าน่าจะเห็นได้อานิสงส์ที่เกิดขึ้นมาอย่างเต็มที่ในปี 2568
Valuation
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” CPAXT และ ประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 35.00 บาท อิงจาก PER ที่
33.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่างหุ้นกลุ่มนี้ในประเทศไทยและในตลาดโลก +1.5 S.D.)
Risks
เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ราคาสินค้าเกษตรลดลง, ขยายสาขาได้น้อยกว่าแผนที่กำหนดไว้, disruption ที่เกิด
จากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการใน
ต่างประเทศ