วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ออกข้าง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ออกข้าง

วันพุธที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway โดยตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่มากระทบ มีแรงขายในหุ้น กลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับ Sentiment เชิงบวกจากหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐปรับตัวขึ้น

ขณะที่วานนี้ในงาน SET Thailand Focus 2024 ผู้ว่าการ ธปท. ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่การฟื้นตัวของแต่ละสาขายังฟื้นตัวได้ไม่เท่ากัน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,365.72 จุด +1.41 จุด +0.10% มูลค่าการซื้อขาย 43,085.76 ลบ. Program Trading +1,525.23 ลบ. ต่างชาติ +1,761.07 ลบ. TFEX +13,543 สัญญา ตราสารหนี้ +9,939.59 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 0.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง
+ รมช.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานไทยแลนด์ โฟกัส 2024 หัวข้อ “ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง จุดพลังการเติบโต” ว่าขณะนี้ เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงผงกหัวขึ้น โดยคาดว่าปี 67 GDP จะขยายตัว 2.3-2.8% ต่อปี เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นสะท้อนกลับมาที่ตลาดหุ้นของไทยให้อยู่ในทางที่ดีขึ้นจะสร้างแรงดึงดูดนักลงทุนไทยและต่างประเทศ
+ สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีจนถึง 25 ส.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยกว่า 23 ล้านคน มีรายได้กว่า 1.08 ล้านล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยมากที่สุด
+ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่ารัฐบาลยังจะเดินหน้า ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาทหรือดิจิทัลวอลเล็ตต่อไป ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าน่าจะอยู่ในช่วงเดือน ก.ย. โดยต้องรอนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่
+/- ผู้ว่าธปท.ยอมรับว่าในช่วงนี้ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นและผันผวนเร็วแต่ถ้าเทียบกับต้นปี 67 ค่าเงินบาทยังคงทรงตัว ปัจจัยหลักจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าหลังจากธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณชัดเจน ในการลดดอกเบี้ย แต่การแข็งค่าของเงินบาทใกล้เคียงกับสกุลเงิน ของมาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทยเจอปัญหาราคาทองคำปรับขึ้น

ปัจจัยลบ 

 

 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 159.08 จุด หรือ -0.39% ก่อนการ รายงานผลประกอบการของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งนลท.จับตาข้อมูล อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินว่ากระแสความนิยม AI จะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนตลาดได้ต่อไปหรือไม่
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ -1.34% ปิดที่ 74.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ถูกกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบ รายสัปดาห์ที่ลดลงน้อยกว่าคาด รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ ที่อ่อนแอในประเทศจีน
- รัสเซียระบุว่าชาติตะวันตกกำลังเล่นกับไฟจากการยอมให้ยูเครนโจมตีรุกล้ำเข้าไปในดินแดนของรัสเซียด้วยขีปนาวุธของชาติตะวันตก พร้อมเตือนว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 อาจจะไม่จำกัดอยู่แค่ในยุโรปเท่านั้น
- ญี่ปุ่นออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับสูงสุด ขณะที่พายุไต้ฝุ่นซานซาน (Shanshan) เคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะคิวชูทางตอนใต้ของประเทศมีความรุนแรงอย่างมากและจะทำให้เกิดฝนตกหนัก

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีในวันนี้ 1,360-1,370 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• MSCI Global Standard Indexes เข้า – ออก AWC EA GPSC IVL MSCI Small Cap Indexes เข้า BJC EA KAMART TLI ออก BA BYD EPG NEX ORI PTG RBF THANI SC SJWD SKY SNNP THCOM มีผล 2 ก.ย.
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า : BGRIM GPSC EGCO RATCH TVO TMILL JUBILE SYNEX SIS
• FTSE Large Cap เข้า – ออก CRC EA MINT PTTGC OR FTSE Mid Cap เข้า – ออก BLA มีผล 6 ก.ย.
• หุ้นได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : TASCO DOHOME GLOBAL DCC DRT TOA DPAINT
• Thailand Focus 2024 : GULF ADVANC BH BDMS BBIK BE8 BCP BBGI
• ยอดส่งออกไทยเดือน ก.ค. เติบโต : STA NER CPF GFPT AAI ITC

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ

KKP "ถือรับเงินปันผล" ราคาเหมาะสม IAA Consensus 36-54 บาท
2Q67 มีกำไร 769 ล้านบาท -45%YoY-49%QoQ

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ออกข้าง

•งวด 2Q67 รายงานกำไรสุทธิ 769 ล้านบาท -45%YoY -49%QoQ งวด 1H67 มีกำไรสุทธิ 2,429 ล้านบาท -30%YoY เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานลดลง7%YoY เนื่องจากยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ชะลอตัวเพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ ขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 20%YoY รวมทั้งยังมี ผลขาดทุนจากรถยึด แต่โดยรวมยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ธนาคารเชื่อว่าบริหารจัดการได้ ปลายเดือนก.ค. มีสินเชื่อสุทธิ 67 หดตัว 2.8%YTD

ความเห็น เรามีมุมมอง “Neutral” ต่อผลการดำเนินงานระยะสั้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยคาดจะเป็นจุดต่ำสุดก่อนเริ่มฟื้นตัวในปีหน้า Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 67 เฉลี่ย 4,400 ล้านบาท -19% และคาดจะพลิกเติบโต 21% เป็น 5,324 ล้านบาทในปี 68 จากสถานการณ์ด้านสินเชื่อเช่าซื้อที่น่าจะทยอยคลี่คลายหลังปล่อยสินเชื่อลดลง ราคาหุ้นยังลดลง 8%YTD โดยได้ปรับขึ้น 18% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาหลังประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนสูงสุด 22 ล้านหุ้น ธนาคารประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1.25 บาทต่อหุ้น yield 2.7% ขณะที่ IAA consensus คาด Yield 6 – 7.5% แนะนำถือรับเงินปันผล

หุ้นมีข่าว

(+) STA (Bloomberg Consensus 23.80 บาท) ดีมานด์ยางพาราเติบโต ทั้งความต้องการยาง EUDR เพิ่มต่อเนื่อง โอกาสค้าสั่งซื้อของประเทศอินเดีย เป็นปัจจัยบวกหลังซัพพลายในประเทศขาดแคลน มองราคายางพาราปีนี้ สูงกว่าปีก่อนที่ 20-30% เป็นอย่างน้อย โบรกมองราคาหุ้นยังคาดหวังปันผล 7% ต่อปี กำไรปกติทั้งปีของ STA ที่ 1,721 ล้านบาท รอบขาขึ้นของธุรกิจทั้งยางพาราและ ถุงมือยาง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PTTGC (Bloomberg Consensus 32.00 บาท) ประเมินราคาน้ำมันทรงตัว 80-84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาก๊าซธรรมชาติ สเปรดปิโตรมีแนวโน้มทรงตัว ย้ำกลยุทธ์การดำเนินงาน 5 ปี รุกตลาดภูมิภาคอาเซียน พัฒนาผลิตภัณฑ์คุณสมบัติพิเศษ ตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม พร้อมตั้ง ทีม R&D ร่วมกับลูกค้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ มองภาพครึ่งหลังของปี 2567 ยังทยอยฟื้นตัวดีมานด์ ปิโตรเคมีหนุน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) THCOM (Bloomberg Consensus 16.60 บาท) “ไทยคม” เซ็นสัญญายักษ์ใหญ่ด้านบริการดาวเทียมบรอดแบนด์แดนภารตะตามนัด เช่าเหมาไทยคม 8 ทั้งหมด 12 ทรานสปอนเดอร์ นาน 10 ปี ประเมินรายได้เพิ่มปีละ 200-400 ล้านบาท พร้อมขยายเพิ่มไทยคม 9 ปี’68 และไทยคม 10 ปี’70 ผู้บริหารมั่นใจตลาดอินเดียโตอีกมาก ทั้งภาครัฐและเอกชน (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) PHG (Bloomberg Consensus 21.00 บาท) “แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป” มั่นใจรายได้รวมปีนี้ เข้าเป้าเติบโต 13-15% และรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 12% ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก รับอานิสงส์ไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล เข้าฤดูฝนหนุนผู้ป่วยเข้ารับบริการเพิ่ม (ที่มา ข่าวหุ้น)