วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ แกว่งตัวแนวรับ 1,390-1,405 ย่อไม่หลุด 1,375 ไม่เสียโมเมนตัมบวก
นักลงทุนลดความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ยแรงหลังเงินเฟ้อพื้นฐานยังสูงกว่าคาด กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีผู้บริโภค (CPI) ส.ค. เพิ่มขึ้น +0.2% MoM, +2.5% YoY เป็นไปตามคาด
ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) +0.3% MoM, +3.2% YoY (เทียบกับตลาดคาดการณ์ +0.2% MoM และ +3.2% YoY) เงินเฟ้อพื้นฐานที่สูงกว่าคาด ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว ล่าสุดเครื่องมือ FedWatch Tool บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักกับการลดดอกเบี้ย 0.25% ด้วยความน่าจะเป็นที่ 85% ขณะที่โอกาสลดดอกเบี้ยลง 0.50% เหลือความน่าจะเป็นเพียง 15% ปัจจัยดังกล่าวทำให้หุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลงในช่วงแรงของการซื้อขาย อย่างไรก็ตามหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นจากการให้ข้อมูลของ CEO NVDIA ที่มองความต้องการสินค้าและชิปของบริษัทยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งทำให้หุ้น NVDIA และกลุ่มเทคโนโลยีช่วยฉุดบรรยากาศลงทุนโดยรวมขึ้น
กลุ่มพลังงานมีโอกาสฟื้นระยะสั้น ขณะที่ภาพรวมหุ้นทั่วไปมีโอกาสเจอแรงทำกำไรสลับ ขณะที่การแถลงนโยบายรัฐบาลของรัฐบาลวันนี้น่าจะไม่มีปัจจัยใหม่ ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวจากพายุเฮอริเคนฟรานซิส อาจช่วยหนุนการฟื้นตัวระยะสั้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มอื่นๆโดยรวมยังมีโอกาสเผชิญแรงทำกำไรสลับจากการรรับข่าวดีระยะสั้นไปแล้ว ขณะที่การแถลงนโยบายของรัฐบาล ไม่ได้เป็นปัจจัยบวกใหม่ ขณะที่หุ้นเอเชียเช้านี้เห็นการฟื้นตัวชัดเจนในกลุ่มที่อิงกับหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ (ญี่ป่น / เกาหลีใต้ / ไต้หวัน) ขณะที่ประเทศอื่นฟื้นตัวจำกัด ประกอบกับค่าเงินสหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าขึ้นทำให้เราคงมุมมองอัพไซด์ของตลาดระยะสั้นจำกัด และการเข้าลงทุนต้องเป็นลักษณะเจาะจงงรายตัว (selective buy)
ภาพรวมกลยุทธ์ ควรเริ่มระวังแรงทำกำไรในหุ้นรายตัว และเน้นการเข้าซื้อแบบเจาะจง (selective buy) มากขึ้น ยังคาดกลุ่มคล้ายพันธบัตร และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ แกร่งกว่าตลาด และใช้จังหวะผันผวนสะสมหุ้นที่โมเมนตัมกำไรยังเป็นขาขึ้น อาทิ สื่อสาร, อาหาร และค้าปลีก // หุ้น Laggard ได้แก่ STEC, SPRC, PTG, SAMTEL
แนวรับ: 1,405 / แนวต้าน : 1,437 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• BBGI* (9) : ผลการดำเนินงานอยู่ในช่วงฟื้นตัว และมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจากน้ำมันอากาศยานยั่งยืนในช่วงไตรมาส 1/68 เป็นต้นไป ตัดขาดทุน 9.20 บาท
• PTG* (11) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ได้อานิสงค์จากธุรกิจที่มิใช่น้ำมันเติบโตเด่น ตัดขาดทุน 9.40 บาท
• JMART* (18) : ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตัดขาดทุน 15.50 บาท
• SAMART* (8) : ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการกลับมาของรายต่ายภาครัฐฯ และการลงทุนด้าน IT/AI ตัดขาดทุน 6.20 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- สหรัฐเผยดัชนี CPI +2.5% เดือนส.ค. ต่ำกว่าคาดการณ์
- นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักเฟดลดดบ.เพียง 0.25% สัปดาห์หน้า หลัง CPI ต่ำคาด
- ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงยกเลิกการซื้อขายเนื่องจากพายุไต้ฝุ่นยางิ
- JKN, SAM ซื้อขายวันสุดท้าย 16 ก.ย. และจะเริ่มขึ้น SP ตั้งแต่ 17 ก.ย. จนกว่าจะนำส่งงบการเงินได้ครบถ้วน
- ตลาดคาด ECB หั่นดบ.อีก 0.25% พรุ่งนี้
- จุลพันธ์ ยันเดินหน้า “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
- BJC ทุ่ม 5 พันลบ.พลิกโฉม "บิ๊กซี" รีโนเวท 18 สาขา เปิดเพิ่มไฮเปอร์มาร์เก็ต-บิ๊กซีมินิต่อเนื่อง
- WHA ปรับเป้าขายที่ดินปีนี้แตะ 2.5 พันไร่หนุนนิวไฮต่อเนื่อง 3 ปีซ้อนหลังยอดขายพีคสุดใน Q3/67
- Banking Sector แนะนำ OVERWEIGHT
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
12 ก.ย. – US PPI (Aug) / ECB Press Conference
17 ก.ย. – US Retail Sales (Aug)