กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดดอกเบี้ยแรง 0.50%
เมื่อคืนนี้ ที่ประชุม US FOMC ลงมติลดดอกเบี้ย Fed Fund Rate (FFR) ลง 0.50% เหลือ 5.00% ซึ่งเป็นการลดที่แรงกว่า consensus ของนักเศรษฐศาสตร์ แต่สอดคล้องกับ Fed Fund Futures รวมทั้งความเคลื่อนไหวในตลาดพันธบัตรก่อนหน้านี้
ทั้งนี้มีกรรมการหนึ่งท่านที่ไม่เห็นด้วย คือ นาง Michelle Bowman ซึ่งมีมุมมองค่อนข้าง hawkish และให้ลดดอกเบี้ยเพียง 0.25%... ในช่วงของการแถลงข่าวประธานเฟด Jerome Powell กล่าวว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มปรับทิศนโยบายของเฟด และจากนี้ไปเฟดจะยังคงตัดสินนโยบายการเงินโดยอิงจากข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก หลังจากที่ทราบผลการประชุม FOMC ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวผันผวน แต่โดยรวมไม่มีความแตกตื่นจากการที่เฟดลดดอกเบี้ยแรง 0.50%
ประมาณการเศรษฐกิจชุดใหม่ชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะเป็น soft-landing ในขณะที่ dot-plot ชี้ว่า
ดอกเบี้ยเฟดจะลงอีก 0.50% ในปี 2567, 1.00% ในปี 2568 และ 0.50% ในปี 2569
เฟดปรับเพิ่มประมาณการอัตราการว่างงาน (UR) ปี 2567-2569 ขึ้นอีก โดยคาดว่า UR ในปี 2567 จะอยู่ที่ 4.4% (จากเดิม 4.0%) และ ในปี 2568 จะอยู่ที่ 4.2% (จากเดิม 4.2%) แต่คาดว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ในช่วงปี 2567-2569 จะทรงตัวที่ปีละ 2.0% สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ประเมินจาก dot-plot กรรมการของเฟดคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.50% ในช่วงที่เหลือของปีนี้, 1.00% ในปี 2568 และ 0.50% ในปี 2569 ซึ่งจะทำให้วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงรอบนี้จบรอบที่ประมาณ 3.0% ทั้งนี้ สัญญาณดอกเบี้ยของเฟดสอดคล้องกับมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ของเรา สำหรับนัยต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทย เราคาดว่า กนง. จะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 2568 โดยคาดว่าจะลดดอกเบี้ยรวม 1.00% ในปีหน้า ทั้งนี้เนื่องจาก GDP ของไทยมีแนวโน้มจะเร่งตัวขึ้นใน 2H67 จากผลของฐานที่ต่ำและจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค เราไม่คิดว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
มองบวกในระยะสั้น แต่ยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงถัดไป... ยังคงแนะนำเข้าลงทุนใน
หุ้นที่ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า และบอนด์ยิลด์ปรับลดลงต่อ
เรามองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย จากการตัดสินใจของเฟดเมื่อคืนนี้ โดยมองว่าเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการผ่อนคลายนโยบายการเงิน พร้อมกับประมาณการเศรษฐกิจที่ให้แนวทาง soft-landing อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในเดือนต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะตลาดแรงงาน และความแข็งแกร่งของภาคบริการ ส่วนผลที่จะส่งผ่านมายังตลาดไทยจะผ่านมาทางการแข็งค่าของเงินบาทและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่จะลดลงอีก เราชอบกลุ่มสาธารณูปโภค และหุ้นบางตัวในกลุ่มขนส่ง อย่างเช่น GPSC* และ AAV* ส่วนธีมหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ย เรายังคงชอบกลุ่มไฟแนนซ์ซึ่งจะได้อานิสงส์จากทั้งต้นทุนการระดมทุนที่ถูกลง และกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายแจกเงิน 1.45 แสนล้านบาทในสัปดาห์หน้า โดยเรามอง SAWAD* และ TIDLOR* เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม
