วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ SET เริ่มอ่อนกำลังแต่ยังไม่หมดแรง
ส่งออก ส.ค. 67 มีแรงส่งดีขึ้นจากสินค้าเกษตร การส่งออกของไทยมีมูลค่ารวม 26,182.3 ล้านดอลลาร์ +7.0% YoY โดยหากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกจะขยายตัวเพิ่มขึ้น +6.6%YoY นำเข้า +8.9% YoY
ขณะที่ดุลการค้ากลับมาเกินดุลเล็กน้อย +264.9 ล้านดอลลาร์ // สินค้าที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ได้แก่ 1. สินค้าเกษตรกรรม ขยายตัวสูงถึง 17.5% โดยเฉพาะสินค้ายางพารา (+64.8%) และข้าว (+46.6%) ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการในตลาดหลัก เช่น จีน และอาเซียน รวมถึงสภาพอากาศที่ส่งผลต่อการผลิตในประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ 2. สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เติบโต 17.1% โดยเฉพาะอาหารสัตว์เลี้ยง (+25.0%) และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (+20.5%) ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของภาคบริการในตลาดสำคัญ 3. สินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 5.2% ซึ่งเป็นการฟื้นตัวจากการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ (+74.7%) และเครื่องจักรกล (+23.1%) ที่มีความต้องการสูงในตลาดโลก // ตัวเลขส่งออก ส.ค. เป็นบวกกับหุ้น STA, NER, TU, ITC, AAI, TVO เป็นต้น
ทิศทาง SET เริ่มดูอ่อนกำลัง แต่ยังไม่หมดแรง จำนวนหุ้น ใน SET50 ที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน ล่าสุดอยู่ที่ 45 หลักทรัพย์ ลดลงจากสูงสุด 48 หลักทรัพย์เมื่อ 9 ก.ย. ทำให้ต้องระวังการอ่อนกำลังของหุ้นขนาดใหญ่ โดยมีปัจจัยติดตามที่สำคัญ คือ 1) จำนวนหุ้นใน SET ที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน 663 หลักทรัพย์ (78.0%) ยังทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียง 9 ก.ย. ที่ 685 หลักทรัพย์ (80.59%) ทำให้หุ้นเล็กอาจช่วยให้ตลาดเขย่งหรือยื้อ การปรับตัวได้อีกระยะ 2) อัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนที่อ่อนค่าทะลุ 144 เยน/ดอลลาร์ ขึ้นมา ลดความเสี่ยงของการขายสินทรัพย์เสี่ยงไปคืนเงินกู้สกุลเยน (Unwind Yen Carry Trade) ทำให้บรรยากาศลงทุนในฝั่งเอเชียและตลาดเกิดใหม่ อาจยังรักษาโมเมนตัมบวกได้อีกระยะ 3) อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่ระดับ 32.6 บาท/ดอลลาร์ มีความเสี่ยงต่อการอ่อนค่าหลังเข้าเขตซื้อมากเกิน // โดยรวมทำให้ต้องระวังการขายทำกำไรสลับโดยเฉพาะในหุ้นใหญ่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก อาจยังต่อเวลาการเล่นไปได้อีกช่วง
ภาพรวมกลยุทธ์ “อ่อนกำลังแต่ยังไม่ bear” คาดโมเมนตัมหุ้นกลาง-เล็ก จะมีโอกาสกลับมาถูกผลักดันมากขึ้น// อาจเลือกหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างกลุ่มท่องเที่ยว การแพทย์ อาหารสัตว์เลี้ยงเราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS, ITC
แนวรับ: 1,425-1,435 / แนวต้าน : 1,465-1,490 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• ITC* (24) : การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงดี ทำให้ผลการดำเนินไตรมาส 3/67 มีแนวโน้มทรงตัว (จากคาดลดลง) ขณะที่เข้า hig season ไตรมาส 4/67 ตัดขาดทุน 20.40 บาท
• TNP* (4.50) : ภาวะน้ำท่วมทำให้มีการปิด 4 สาขา แต่เป็นระยะเพียง 3-7 วัน ผลประทบค่อนข้างจำกัด ขณะที่ได้แรงหนุนบริโภคจากมาตรการรัฐ ตัดขาดทุน 3.50 บาท
• IND* (1.21) : ผลการดำเนินงานมีแรงหนุนจากการกลับมาของรายจ่ายภาครัฐ ขณะที่บริษัทมีกลยุทธ์ในการรับงานที่ทำให้มีการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ราคาปัจจุบันซื้อขายต่ำ มูลค่าทางบัญชีที่ 1.21 บาท ตัดขาดทุน 0.78 บาท
• SAMART* (8) : ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการกลับมาของรายจ่ายภาครัฐฯ และการลงทุนด้าน IT/AI ตัดขาดทุน 6.60 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- น้ำมันร่วงลง 2% ในวันพุธ(25ก.ย.) คลายความกังวลเกี่ยวกับความยุ่งเหยิงทางอุปทาน
- นายกฯ ยัน “ดิจิทัลวอลเล็ต”เฟส 2 เกิดแน่ในปี 68
- “จุลพันธ์ ยันเดินหน้า “ดิจิทัลวอลเล็ต”แต่อาจจ่ายได้ไม่ถึงหมื่น
- กบง. สั่งตรึงราคา LPG อีก 3 เดือน สิ้นสุด 31 ธ.ค. 67
- นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 60% ฟันธงเฟดหั่นดอกเบี้ย 0.50% เดือนพ.ย.
- THG ปลดภรรยา หมอบุญ พ้นประธานบอร์ด THG หลังพบธุรกรรมพิสดารโยง กลุ่มวนาสิน
- VGI เพิ่มทุน “PP” ราคา 1.50 บาท IFA ชี้เหมาะสม แนะนำผู้ถือหุ้นอนุมัติ
- YGG แจง “EXIM Bank” อนุมัติเคลียร์หนี้ 4 งวด คงค้าง 5.88 ล้านบาท
- Food Sector คงคำแนะนำ Market Weight
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 ก.ย. – ถ้อยแถลงเจอโรม พาวเวล, Jobless claims
27 ก.ย. – US Inflation (PCE) (Aug)
30 ก.ย. – ตัวเลขค้าปลีกไทย (ส.ค.)
1 ต.ค. – ถ้อยแถลงเจอโรม พาวเวล, ISM Manufacturing(Sep), Job Openings(Aug)