วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.เคจีไอฯ Agricultural Outlook อุปสงค์ที่ซบเซากดดันราคาเนื้อสัตว์ในประเทศ
ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศลดลงเนื่องจากอุปสงค์การบริโภคลดลงเพราะฝนตกหนัก และ เกิดภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ รวมถึงเป็นช่วงเทศกาลกินเจ
ดังนั้น ราคาหมูจึงลดลง 3% เหลือ 71.5 บาท/กก. ในขณะที่ราคาไก่ลดลง 5% เหลือ 37.8 บาท/กก. ในขณะเดียวกัน ราคาหมูในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1% เป็น CNY18.2/กก.
แต่ในด้านบวก ราคาอาหารสัตว์ที่ลดลงน่าจะช่วยหนุนผู้ผลิตเนื้อสัตว์ โดยราคาข้าวโพดในประเทศลดลง 3% เหลือ 9.9 บาท/กก. ในขณะที่ราคากากถั่วเหลืองในตลาดโลกลดลงอย่างมากถึง 8% เหลือ US$315/ton เพราะมีการส่งออกจากสหรัฐเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความคาดหมายว่าผลผลิตข้าวโพดจากสหรัฐจะเพิ่มขึ้นยังฉุดราคาธัญพืชชนิดอื่น ๆ ลงมาด้วย อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวสาลีเพิ่มขึ้น 3% เป็น US$6.0/bushel หลังจากที่รัสเซียพยายามกำหนดราคาขั้นต่ำ และ ขายตรงให้กับลูกค้าขั้นสุดท้ายแทนที่จะขายให้กับพ่อค้าต่างชาติ
ประมาณการอุปทาน และ อุปสงค์ถั่วเหลืองโลกของ USDA ยังแทบไม่เปลี่ยนแปลง
ในรายงานฉบับล่าสุด USDA ยังคงประมาณการผลิต และ การบริโภคกากถั่วเหลืองโลกในปีการตลาด
2567F/2568F เอาไว้ที่ 429 ล้านตัน และ 402 ล้านตันตามลำดับ ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะอุปทานส่วนเกินของถั่วเหลืองโลกต่อเนื่องเป็นปีที่สาม และน่าจะกดให้ราคาถั่วเหลือง และกากถั่วเหลืองอยู่ในระดับต่ำต่อไป อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสภาพอากาศในอเมริกาใต้เนื่องจากมีรายงานว่าเกิดสภาวะแห้งแล้งในบราซิล ในขณะเดียวกัน USDA ปรับลดประมาณการผลผลิต และ การบริโภคข้าวสาลีโลกลงเล็กน้อยเหลือ 794 ล้านตัน และ 803 ล้านตัน ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้ปริมาณสต็อกสิ้นงวดเพิ่มขึ้นเป็น 258 ล้านตัน จากที่คาดเอาไว้เมื่อเดือนก่อนที่ 257 ล้านตัน
Recommendation
เรายังคงมองว่าผลการดำเนินงานของผู้ผลิตเนื้อสัตว์ใน 3Q67F มีแนวโน้มแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตามอุปสงค์ที่ลดลง โดยเฉพาะตลาดในประเทศ อาจจะทำให้ไม่สามารถรักษาโมเมนตัมบวกของผลประกอบการ QoQ ได้ใน 4Q67F เรามองบวกมากกว่ากับแนวโน้มราคาหมูในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเวียดนาม และ ชอบ Charoen Pokphand Foods (CPF.BK/CPF TB)* และ Thaifoods Group (TFG.BK/TFG TB) มากกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม