Daily SET50 Index Futures : บล.เคจีไอฯ แกว่งตัวลง ดาวโจนส์ลบ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบัน - กลยุทธ์ระยะสั้น Open Long 920, Take Profit 925/930, Stop Loss 915
แนวโน้มระยะกลาง
ระยะกลางคาด S50Z24 แกว่งตัวขึ้น ระยะสั้นเป็นลบมากขึ้นหลังจากหลุดต่ำกว่า 930 ประเมินแนวรับ 922/913*/905 และแนวต้าน 930/945/955/967 หากยืนได้เหนือ 922 อาจแกว่งตัวขึ้นไปแนวต้านที่ 930/945 หากยืนไม่ได้เหนือ 922 อาจแกว่งตัวลงไปแนวรับ 913/905
กลยุทธ์ระยะกลาง (สัปดาห์)
แนะนำเปิด Long สัญญา S50Z24 ที่ 913 และปิดสถานะที่แนวต้าน 922/930 โดยให้จุด Stop loss ที่ 908
สำหรับคนที่ได้เปิด Long สัญญา S50Z24 ที่แนวรับ 930 เมื่อจันทร์ที่ผ่านมา อาจจะได้ปิดสถานะที่ 925
แนวโน้ม SET50 ฟิวเจอร์สระยะสั้น (ระหว่างวัน)
วานนี้ S50Z24 แกว่งตัวลง โดยเด้งฟื้นขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 929.9 สลับแกว่งตัวลงแรงมาทำจุดต่ำสุดที่ 923.2 และมาปิดที่ 923.6 โดย S50Z24 ลงแรงกว่าดัชนีส่งผลให้ Basis ระหว่าง S50Z24 และ SET50 สู่ -1.39 จุด
ประเมินสัญญา S50Z24 อาจแกว่งตัวลง หากยืนได้เหนือ 920 อาจสลับเด้งขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไป 925/930
กลยุทธ์ระยะสั้น(ระหว่างวัน)**
แนะนำเปิด Long สัญญา S50Z24 ที่แนวรับ 920 และปิดสถานะที่แนวต้าน 925/930 โดยให้จุด Stop loss ที่ 915
สำหรับคนที่ได้เปิด Long ที่แนวรับ 925 เมื่อวานนี้ อาจจะได้ปิดสถานะที่ 929.9 หรือหากเปิดสถานะอีกครั้งในช่วงบ่าย แนะนำปิดสถานะที่ 925/930 โดยให้จุด Stop loss ที่ 920
ปัจจัยสำคัญ
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อ SET50
วานนี้ดาวโจนส์ปิดลบ 91 จุด (-0.22%) ปิดที่ 42,141 จุด จากแรงขายในหุ้นกลุ่มผลิตชิป โดยซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ ลงแรงกว่า 32% เนื่องจากบริษัทผู้สอบบัญชีของบริษัท คือเอินส์ท แอนด์ ยัง ได้ประกาศถอนตัวจากการเป็นผู้สอบบัญชี ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่เปิดเผยเมื่อวานนี้ เช่น GDP ประจำ Q3/2024 ขยายตัว 2.8%QoQ ต่ำกว่าตลาดคาด 3.0%QoQ และ ADP รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเอกชนสหรัฐเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 233,000 ตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาดที่ 113,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้นักลงทุนรอติดตามตัวเลขสำคัญ ได้แก่การรายงานผลประกอบการของกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง (Magnificent Seven) รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงานในคืนพรุ่งนี้ ทั้งนี้ตลาดคาด 254,000 ตำแหน่ง และ 4.1% นอกจากนี้ผลการเลือกตั้งปร ะธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.
ด้านทิศทางราคาน้ำมัน WTI เดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.4 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล (+2.08%) มาอยู่ที่ 68.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หลังจากรอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวว่ากลุ่มโอเปคพลัสอาจตัดสินใจประกาศชะลอแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตออกไปอีก 1 เดือนหรือมากกว่านั้น จากกำหนดเดิมที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิต 180,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. รวมทั้งรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐประจำสัปดาห์ลดลง 515,000 บาร์เรล สวนทางตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล ถือเป็นปัจจัยบวกหนุนทิศทางราคาน้ำมัน
ด้านทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ/บาทกลับมาอ่อนค่าลง ล่าสุดมาอยู่ที่ 33.76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยที่ให้ติดตามในระยะสั้น
ระยะสั้นติดตามสถานการณ์ตะวันออกกลางต่อเนื่อง คืนนี้ติดตามจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐประจำสัปดาห์ และ ดัชนี Core PCE Price สหรัฐเดือนก.ย. ทั้งนี้ตลาดคาด 231,000 ตำแหน่งและ 2.6%YoY นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญในคืนวันศุกร์ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐและอัตราว่างงานสหรัฐประจำเดือนต.ค. ทั้งนี้ตลาดคาด 111,000 ตำแหน่งและ 4.1%
