วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q67 แข็งแกร่ง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q67 แข็งแกร่ง

ตลาดโฟกัสที่งบ 3Q67 เป็นอย่างแรก สหรัฐฯ มีการรายงานอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือน ต.ค. ที่ 1.2 หมื่น ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดที่ 1.13 แสน ตำแหน่ง ค่อนข้างมาก โดยหลักเป็นผลของฤดูกาลเฮอริเคน และ Port Strike ในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ ISM ภาคการผลิตสหรัฐฯ หดตัวเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ โดยหลักจากผลการดำเนินงานของบริษัท Alphabet ที่รายงานรายได้ และกำไรสุทธิออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด เราประเมินภาพดังกล่าวจะคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นไทย ที่จะให้ความสำคัญกับผลการดำเนินงานใน 3Q67 เป็นหลัก เรายังคงมองเป็นบวกต่อกลุ่ม ICT และนิคมอุตสาหกรรม 

กระจายความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดผันผวน ตลาดหุ้นปรับตัวลงเป็นวงกว้างในเดือน ต.ค. เราแนะนำ กระจายความเสี่ยงโดยแบ่งน้ำหนักการลงทุนเป็น 2 ส่วน 1) หุ้นที่อยู่ในโมเมนตัมขาขึ้นและมีแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเรามองว่าเป็นกลุ่มที่มีเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (WHA, AMATA) และ  กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) โดยทั้งสองกลุ่มจะได้ประโยชน์จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐ-จีน เรามองว่ามีโอกาสเห็นการเก็งกำไรหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า และ 2) หุ้น Laggard ที่มีโมเมนตัมของกำไรที่แข็งแกร่ง ได้แก่กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, RATCH, EGCO) ที่จะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (AOT,ERW,VRANDA) ที่ราคาได้รับรู้ปัจจัยลบไปมาก

แนวรับถัดไป 1,430 ระยะกลางตลาดยังอยู่ในภาพของการพักฐานบริเวณ 1,430-1,450 จุด ภาพใหญ่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ในขณะที่บรรยากาศการลงทุนโดยรวมเป็นภาพของการเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่แนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่ง ตามกลุ่มที่มีการทยอยประกาศผลประกอบการ 3Q67 หุ้นหลายตัวมีการปรับฐานตามเล็กน้อยจาก Valuation ที่ค่อนข้างตึงตัว ระยะกลางมองแนวรับที่ 1,430 จุด 

 

 

ภาพรวมกลยุทธ์ “กรอบการเก็งกำไร 1,430-1,500 จุด เลือกเก็งกำไรรายตัว สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างท่องเที่ยว การแพทย์ เราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS 2) หุ้นได้ประโยชน์การ Relocation : WHA,TRUE, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN, LTS 3) หุ้นต่ำมูลค่าทางบัญชี FLOYD, IND, BC

แนวรับ: 1,430  แนวต้าน : 1,500 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
•    ADVANC* (310) : กำไรสุทธิ 3Q67 เพิ่มขึ้น yoy หนุนจากธุรกิจ FBB และคาดจะมี catalyst ใหม่ หลัง GULF เข้ามาถือหุ้นโดยตรง ตัดขาดทุน 268 บาท  
•    ERW* (6.50) : เข้าสู่ช่วง high season ของการท่องเที่ยวไทย คาดโมเมนตัมของราคาหุ้นจะปรับดีขึ้น ตัดขาดทุน 3.84 บาท
•    MEB* (42) : คาดกำไรสุทธิ 2H67 จะเติบโตเด่น yoy จำนวนผู้ใช้งาน และการซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้น ตัดขาดทุน 32.00 บาท
•    WHA* (6.50) : คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 เติบโตเด่น yoy จากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่ง ตัดขาดทุน 5.60 บาท 

ประเด็นที่น่าสนใจ   

-    ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 4
-    ISM เผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐหดตัวเป็นเดือนที่ 7
-    สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตร +12,000 เดือนต.ค
-    นักวิชาการมองเลือกตั้งสหรัฐฯ หนุนจีนย้ายฐานการผลิตมาไทย-อาเซียน
-    "ทรัมป์" ขู่เก็บภาษี 100% จากรถยนต์ของ "สเตลแลนติส" หากย้ายการผลิตไปเม็กซิโก
-    ยอดขาย EV จีนใน EU ลดต่อเนื่อง เซ่นปมขัดแย้งเพิ่มภาษีนำเข้า
-    หุ้น "อินวิเดีย" เข้าร่วมดัชนีดาวโจนส์ แทนที่หุ้น "อินเทล" มีผล 8 พ.ย.นี้
-    ADVANC กำไรสุทธิ Q3/67 โต 7.9% รายได้โตกระฉูดลูกค้ามือถือ-เน็ตเพิ่ม งวด 9 เดือนทำได้เกินเป้า
-    ADVANC คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 310 บาท / AH คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 19.70 บาท
 

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

5 พ.ย. – TH CPI, ผลประกอบการ IRPC และ ITC

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q67 แข็งแกร่ง วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q67 แข็งแกร่ง