กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ไซด์เวย์ รอผลเลือกตั้งสหรัฐฯ และผลประชุมเฟด
รอปัจจัยสำคัญในต่างประเทศชัดเจน ก่อนกำหนดกลยุทธ์อีกครั้ง ในสัปดาห์ที่แล้ว (28 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน) ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งเกินคาด เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้
ข้อแรก นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิอย่างมีนัยสำคัญเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งอาจจะมาจากการลงทุนโดย
กองทุนวายุภักษ์ เพราะผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่มองตรงกันว่าตลาดหุ้นไทยมี downside ค่อนข้างจำกัด
ข้อที่สอง นักลงทุนเก็งว่ารัฐบาลไทยจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับปี 2568 ซึ่งน่าจะมีการอุดหนุนภาคการท่องเที่ยว และ การกระตุ้นการบริโภคสำหรับผู้บริโภคที่เป็นชนชั้นกลาง
สำหรับในสัดาห์นี้ (4-8 พฤศจิกายน) เราคาดว่าดัชนี SET ช่วงต้นสัปดาห์จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ เพราะนักลงทุนยังรอความชัดเจนจากปัจจัยสหรัฐ และรอดูทิศทางผลประกอบการ 3Q67 ของบริษัทจดทะเบียนไทย
ปัจจัยแรก เราจะทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเบื้องต้นในช่วงเช้าวันที่ 6 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตามที่เราเคยกล่าวถึงไปแล้วในบทวิเคราะห์ฉบับพิเศษเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อไม่นานนี้ ว่าหาก Trump ชนะจะส่งผลดีต่อแนวโน้มกำไรของบริษัทสหรัฐ และตลาดหุ้นสหรัฐแต่อาจจะเป็นลบกับตลาดหุ้นเอเชีย
ปัจจัยที่สอง ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐมีทั้งปัจจัยบวกและลบปน ๆ กัน โดยเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นเพียง 12,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดเอาไว้อย่างมาก แต่นักลงทุนไม่ได้ตื่นตระหนก เพราะตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอเป็นเพราะสาเหตุชั่วคราวอย่างเช่น พายุเฮอริเคนสองลูก และ การประท้วงของคนงานบริษัท Boeing
ติดตามผลการเลือกตั้งสหรัฐ, ผลการประชุม FOMC และ กระแสข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
ปัจจัยต่างประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจากโพลล์ทั่วประเทศล่าสุด Trump นำ Harris อยู่ 0.3% และ นำ Harris ใน 5 จาก 7 รัฐที่ถือเป็น swing state ii) ผลการประชุม FOMC ในวันที่ 7 พฤศจิกายน ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของเรา และ consensus คาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยลงอีก 25bps เหลือ 4.75%
ปัจจัยในประเทศ: นักลงทุนควรติดตามการประชุมของคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเร็ว ๆ นี้ น่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดของการอุดหนุนภาคท่องเที่ยว, การกระตุ้นการบริโภคสำหรับชนชั้นกลาง และ แผนจัดการหนี้ครัวเรือนของไทย
เน้นหุ้นที่แข็งแกร่งไม่ว่าปัจจัยฝั่งสหรัฐจะออกมาเป็นแนวใด ดูพื้นฐานอุตฯ และแนวโน้มกำไรไตรมาส
3/2567 เป็นสำคัญ
จากปัจจัยความไม่แน่นอนในต่างประเทศ อย่างเช่น ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน และ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่แข่งกันแบบสูสี เราคิดว่านักลงทุนควรเน้นลงทุนแบบตั้งรับ (defensive) ไปก่อนในระยะสั้น เรามองว่าในภาวะที่ตลาดผันผวนอยู่ในขณะนี้ นักลงทุนควรเตรียมพร้อมที่จะเข้าซื้อสะสมหุ้นหลักในธีมการลงทุนของเรา อย่างเช่น กลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติม (CPALL*, CPAXT, CPN*), นิคมอุตสาหกรรมซึ่งจะได้อานิสงส์จากการย้ายฐาน FDI ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งในสหรัฐ (AMATA*) และ กลุ่มที่ผลประกอบการมีแนวโน้มแข็งแกร่งใน 3Q67 (AAV* และ BH*)