วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ตลาดให้ความสำคัญกับผลการดำเนินงาน 3Q67
ตลาดกลับมาโฟกัสที่ผลประกอบการ เข้าสู่ช่วงการรายงานผลการดำเนินงาน 3Q67 ในสัปดาห์ สุดท้าย เรายังคงมองว่าตลาดจะยังให้ความสนใจกับผลการดำเนินงาน และ guidance ของบริษัทจดทะเบียนเป็นสำคัญ
สำหรับภาพรวมตลาดเรายังมองว่าการปรับขึ้นแรงๆ ยังคงทำได้ยาก จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงต่อเนื่อง จะกดดันราคาหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTTEP ที่มีน้ำหนักใน SET Index ค่อนข้างมาก สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้น เราแนะนำเน้นเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัว/กลุ่ม อาทิ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง หลังตลาดยังคงเชื่อมั่นว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในปี 67 และอีก 100% ในปี 68 ขณะที่ Bond yield ยังอยู่ในระดับสูง เราจึงมองเป็นโอกาสสะสมหุ้นกลุ่มการเงิน และโรงไฟฟ้า ที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง
กระจายความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดผันผวน คาดตลาดหุ้นไทยจะยังคงผันผวนในเดือน พ.ย. เราแนะนำ กระจายความเสี่ยงโดยแบ่งน้ำหนักการลงทุนเป็น 2 ส่วน 1) หุ้นที่อยู่ในโมเมนตัมขาขึ้นและมีแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเรามองว่าเป็นกลุ่มที่มีเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) โดยมองกลุ่มจะได้ประโยชน์จากการประมูลคลื่นรอบใหม่ จากคู่แข่งที่ลดลง ทำให้ราคาในการประมูลจะถูกลงจากการประมูลครั้งก่อน นอกจากนี้ยังเป็นกลุ่มที่มีหนี้สินค่อนข้างมาก จึงมีโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงด้วย และ 2) หุ้น Laggard ที่มีโมเมนตัมของกำไรที่แข็งแกร่ง ได้แก่กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, RATCH, EGCO) ที่จะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (AOT,ERW,VRANDA) ที่ราคาได้รับรู้ปัจจัยลบไปมาก
แนวรับถัดไป 1,450 ระยะกลางตลาดยังอยู่ในภาพของการพักฐานบริเวณ 1,430-1,450 จุด ภาพใหญ่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ในขณะที่บรรยากาศการลงทุนโดยรวมเป็นภาพของการเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่แนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่ง ตามกลุ่มที่มีการทยอยประกาศผลประกอบการ 3Q67 หุ้นหลายตัวมีการปรับฐานตามเล็กน้อยจาก Valuation ที่ค่อนข้างตึงตัว ระยะกลางมองแนวรับที่ 1,450 จุด
ภาพรวมกลยุทธ์ “กรอบการเก็งกำไร 1,430-1,500 จุด เลือกเก็งกำไรรายตัว สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างท่องเที่ยว การแพทย์ เราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS 2) หุ้นได้ประโยชน์การ Relocation : WHA,TRUE, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN, LTS 3) หุ้นต่ำมูลค่าทางบัญชี FLOYD, IND, BC
แนวรับ: 1,450 แนวต้าน : 1,500 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• ADVANC* (310) : กำไรสุทธิ 3Q67 เพิ่มขึ้น yoy หนุนจากธุรกิจ FBB และคาดจะมี catalyst ใหม่ หลัง GULF เข้ามาถือหุ้นโดยตรง ตัดขาดทุน 268 บาท
• HMPRO* (11) : คาด SSSG จะเริ่มฟื้นตัวได้ใน 4Q67 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการใช้จ่ายในประเทศ ตัดขาดทุน 9.25
• MTC* (56) : คาดคุณภาพสินทรัพย์จะทยอยปรับดีขึ้น และเรามอง MTC เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง ตัดขาดทุน 45 บาท
• VRANDA* (7) : คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2H67 พลิกกลับมากำไร จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นทั้งในธุรกิจโรงแรม และอสังหาฯ รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ตัดขาดทุน 5.10 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- "ฟิทช์ เรทติ้งส์" คงอันดับเครดิตไทยที่ BBB+ พร้อมแนวโน้มมีเสถียรภาพ
- เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้ GDP สหรัฐ +2.5% ใน Q4/67
- เปิดเฮียริ่ง 3 ทางเลือก “ค่าไฟ” งวด ม.ค.-เม.ย.68 ที่ 4.18-5.49 บาท/หน่วย
- ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งเกือบ 2% หลุด $71 หลังพายุ "ราฟาเอล" เริ่มอ่อนกำลัง
- TSMC ยันไม่ล้มแผนลงทุนในสหรัฐ แม้ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง ย้ำสถานะยังแกร่ง
- GDSI เซ็นซื้อที่ดิน AMATA ผุดดาต้าเซ็นเตอร์ไฮเปอร์สเกลพันล้านเหรียญฯในนิคมอมตะซิตี้ชลบุรี
- WHA ไตรมาส 3/67กำไรสุทธิลดลงเหลือ 459.2 ลบ.
- TOP แนะนำ “ซื้อ” เป้า 60 บาท/ TCAP แนะนำ ‘ถือ” เป้า 52 บาท/ WHA แนะนำ “ซื้อ” เป้า 6.90 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
12 พ.ย. – US Inflation (Oct)
15 พ.ย. – JP GDP Growth Rate (3Q67)