Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 11 November 2024

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 11 November 2024

ราคาน้ำมันดิบผันผวนในระดับต่ำต่อเนื่อง หลังตลาดจับตานโยบายประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ท่ามกลาง FED ลดอัตราดอกเบี้ย และ OPEC+ ขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 65-75 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 69-79 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล

 

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 11 November 2024

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (11 - 15 พ.ย. 67)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวนในระดับต่ำ เนื่องจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ คาดทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ามากขึ้น และอาจเพิ่มอุปทานน้ำมันดิบสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตยูโรโซนยังคงต่ำกว่า 50 เป็นเดือนที่ 28 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% รวมกับการประกาศขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอีก 1 เดือนของ OPEC+ พยุงราคาน้ำมัน

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

•  ราคาน้ำมันดิบถูกกดดันเนื่องจากตลาดกังวลนโยบายต่างประเทศของ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์ที่คาดว่าจะแข็งค่ามากขึ้น ส่งผลให้ความน่าสนใจในการซื้อน้ำมันดิบด้วยสกุลเงินสหรัฐฯ ลดน้อยลง ขณะที่ตลาดคาดอุปทานน้ำมันดิบสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มขึ้นจากนโยบายการเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน อย่างไรก็ดี มาตรการหลังการเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะมีโอกาสที่จะยังคงคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลา ซึ่งอาจทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดลดลงได้

•  เศรษฐกิจยุโรปยังคงชะลอตัว แม้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตยูโรโซน (20 ประเทศ) เดือน ต.ค. 67 เพิ่มขึ้น 1.0 จุด เทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 46.0 จุด ก็ตาม แต่เป็นระดับที่ยังคงต่ำกว่า 50 จุด เป็นเดือนที่ 28 ติดต่อกัน บ่งชี้ภาวะหดตัวของยุโรปที่ยังคงไม่ฟื้นตัวมากนัก
 

 

 

 

•  อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกยังคงมีความหวังว่าจะฟื้นตัวขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 6-7 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวมภาคการผลิตและบริการสหรัฐฯ เดือน ต.ค. 67 เพิ่มขึ้น 0.1 จุดเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 54.1 จุด บ่งชี้ภาวะขยายตัว
•  นอกจากนี้ ตลาดกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังคงไม่สงบเนื่องจากรายงานกองทัพอิสราเอลเตือนให้ประชาชนชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากพื้นที่ทางเหนือของฉนวนกาซา หลังจากมีการโจมตีในเมือง Beit Lahiya และเมือง Al-Zawayda ใจกลางฉนวนกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 คน โดยกองทัพอิสราเอลยังแนะนำให้ประชาชนอพยพไปทางใต้เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ประกาศว่าจะมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกว่า 100 คนออกจากกาซา
•  ตลาดน้ำมันดิบมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเนื่องจากกลุ่ม OPEC+ ประกาศขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอีก 1 เดือนถึงสิ้นเดือน ธ.ค. 67 เนื่องจากอุปสงค์ที่ยังคงอ่อนแอ ขณะที่อุปทานจากประเทศนอกกลุ่ม OPEC+ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับแผนการกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตในปีหน้าคาดว่าจะต้องจับตาการประชุมของกลุ่มที่จะจัดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 1 ธ.ค. 67 


 

•  ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน ต.ค. 67 ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน ต.ค. 67 อัตราการว่างงาน เดือน ต.ค. 67 ดัชนีราคาส่งออก เดือน ต.ค. ดัชนีราคานำเข้า เดือน ต.ค. 67 ยอดขายปลีก เดือน ต.ค. 67 และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ต.ค. 67 เศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ก.ย. 67 และตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 3 ปี 67 และเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ต.ค. 67 ยอดขายปลีก เดือน ต.ค. 67 และอัตราการว่างงาน เดือน ต.ค. 67

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (4 – 8 พ.ย. 67)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่ม 0.89 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 70.38 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่ม 0.77 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 73.87 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 73.86 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล เนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง โดยล่าสุดกลุ่ม Houthi ในเยเมน ประกาศจะโจมตีเรือผ่านทะเลแดงและบริเวณใกล้เคียง ที่ติดธงสัญชาติอิสราเอล รวมถึงเรือที่เคยติดธงสัญชาติอิสราเอลมาก่อน ส่งผลให้การขนส่งสินค้าต้องเลี่ยงเส้นทางผ่านช่องแคบ Bab al-Mandab บริเวณทะเลแดง และใช้เส้นทางผ่านแหลม Good Hope ทั้งนี้ กลุ่ม Houthi โจมตีเรือแล่นผ่านแถบช่องแคบ Bab al-Mandab ระหว่าง ธ.ค. 66 - ต.ค. 67 เกือบ 130 ลำ และ IMF PortWatch เผยค่าเฉลี่ยจำนวนเรือแล่นผ่านช่องแคบดังกล่าว ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 ต.ค. 67 ลดลง 56 ลำ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ระดับ 22 ลำ ขณะที่กลุ่ม OPEC คาดอุปสงค์น้ำมันโลกปี 2567 เพิ่มขึ้น 1.93 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปี 66 อยู่ที่ระดับ 104.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปี 2568 เพิ่มขึ้น 1.64 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปี 67 อยู่ที่ระดับ 105.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ดี Reuters เผยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC (12 ประเทศ) ในเดือน ต.ค. 67 เพิ่มขึ้น 0.19 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 26.33 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 1 พ.ย. 67 ปรับเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 427.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 1.1 ล้านบาร์เรล