วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ต่างประเทศไร้ปัจจัยขับดันใหม่ ในประเทศระวังความผันผวน DELTA

และมีกำไรต่อหุ้นที่ 0.81 ดอลลาร์ (vs คาดการณ์ที่ 0.75 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งถือว่าดีกว่าคาด อย่างไรก็ตามคาดการณ์ล่วงหน้า (Forward guidance) ในไตรมาสหน้าที่ 37.5 พันล้านดอลลาร์ แม้สูงกว่าค่าเฉลี่ยคาดการณ์ที่ 37.1 พันล้านดอลลาร์ แต่ต่ำกว่าคาดการณ์สูงสุดที่ 41 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ราคาหุ้นในช่วง after-hours ลดลง 3.24% การลดลงของหุ้น Nvdia จะมีความเกี่ยวโยงถึงบรรยากาศลงทุนในตลาดเอเชียที่เน้นหุ้นเทคโนโลยี รวมถึงห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างยูเครน-รัสเซียที่ยังตึงเครียด ทำให้บรรยากาศลงทุนต่างประเทศโดยรวมขาดปัจจัยขับดันใหม่ และอาจเป็นลบ

SET Index มีแนวโน้มผันผวนจากตลท.ประกาศให้ DELTA เข้าสู่มาตรการกำกับการซื้อขาย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศให้ DELTA เป็นหลักทรัพย์เข้ามาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ตั้งแต่ 21 พ.ย.-11 ธ.ค. 2567 ในระหว่างนี้ สมาชิกต้องห้ามนำ DELTA มาคำนวณวงเงินซื้อขาย และให้ลูกค้าซื้อด้วยบัญชี Cash Balance (วางเงินสด 100% ก่อนซื้อ) ทั้งนี้การติดมาตรการกำกับการซื้อขายในช่วง 3 ครั้งที่ผ่านมา ทำให้หุ้นปรับลดลงในวันแรก 18%, 15% และ 10% ตามลำดับ เนื่องจากขนาด (market cap) ในปัจจุบันที่ 2.16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 11.89% ของ SET Index ดังนั้นอาจต้องระวังความผันผวนของราคาหุ้นที่จะกระทบต่อตลาดรวมและการซื้อขายตราสารล่วงหน้าในวันนี้ด้วย

พลังงาน, ท่องเที่ยว, ค้าปลีก และหุ้นที่ได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ มีแรงส่งเชิงบวก ยังระวังความผันผวนของตลาด อย่างไรก็ตามภาพกลยุทธ์ประเมินกลุ่มที่น่าสนใจระยะสั้น ได้แก่ 1) พลังงาน ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์หนุนการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ บวกต่อ PTTEP, BCP 2) ท่องเที่ยว ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ สัปดาห์ล่าสุดอยู่ที่ 747,944 คน (+1.6% WoW) ปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ต่อเนื่อง และมีแนวโน้ม

 

 

เร่งขึ้นในช่วงจากนี้ถึงสิ้นปี บวกต่อหุ้นท่องเที่ยว ทั้ง AOT, MINT, ERW, SPA, VRANDA 3) ค้าปลีก ปัจจัยบวกด้านฤดูกาล และกำลังซื้อที่เพิ่มจากมาตรการรัฐ บวกต่อ CPALL, CPAXT, BJC, TNP 4) หุ้นที่ได้แรงหนุนจากรายจ่ายภาครัฐ ได้แก่ SYNEX, SIS, SAMART, CSS, CK, STECON

ภาพรวมกลยุทธ์ “ระวังความผันผวน หาก DELTA ลงในระดับ 10% อาจทำให้ดัชนีลงทดสอบ 1,440+/- จุด เลือกเก็งกำไรรายตัว สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างท่องเที่ยว การแพทย์ เราชอบ AOT, ERW, MINT, SPA, VRANDA, BCH, BDMS 2) หุ้นได้ประโยชน์การ Relocation : WHA,TRUE, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN, LTS 3) หุ้นต่ำมูลค่าทางบัญชี FLOYD, IND, BC 4) ภูมิรัฐศาสตร์ หนุน PTTEP, BCP

แนวรับ: 1,438-1,453  แนวต้าน : 1,470 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    PTTEP* (136) : ผลประกอบการช่วงสั้นคาดไม่มีปัจจัยลดขนาดใหญ่ ขณะที่อาจมีแรงหนุนจากปัจจัยภูมิรัฐศาตร์ที่เข้มข้นขึ้น และความคืบหน้าการเจาจาพื้นที่ทับซ้อน (OCA) ตัดขาดทุน 120 บาท 
•    SAMART* (9) : ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนในช่วง 2567-68 ทั้งจากการใช้จ่ายภาครัฐ และการกลับมาเริ่มมีกำไรของบ.ลูกอย่าง SDC ตัดขาดทุน 7.45 บาท 
•    ERW* (4.60) : ผลการดำเนินงานเข้า high season และได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตัดขาดทุน 4.02 บาท
•    TNP* (4) : ผลการดำเนินงานเข้า high season และได้แรงหนุนจากมาตรการเพิ่มกำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐในช่วงปลายปี-ต้นปี ตัดขาดทุน 3.46 บาท  

ประเด็นที่น่าสนใจ

-    เงินเฟ้ออังกฤษ พุ่งสูงกว่าคาดถึง 2.3% ในเดือน ต.ค.
-    AMATA โค้งสุดท้ายรอเซ็นขายที่ดิน มั่นใจยอดขายเข้าเป้าแน่ตุน Backlog ใกล้ 2 หมื่นลบ.
-    PRM แย้ม Q4/67 ฟอร์มสวย! ท่องเที่ยวหนุนยอดใช้น้ำมัน
-    THAI ผนึก PTTGC-OR เทคออฟเชื้อเพลิง”SAF”
-    CK แนะนำ “ซื้อ” เป้า 27.30 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

22 พ.ย. – JP Inflation Rate (Oct)