วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เลือกเก็งกำไรรายตัวโดยไม่กังวล DELTA มากเกินไป
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง ลดทอนความกังวลการเกิดเศรษฐกิจถดถอย หุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปรับขึ้น ขณะที่ดัชนีค่าเงินสหรัฐฯ (Dollar Index) ปรับขึ้น หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวออกมาแข็งแกร่ง
ลดทอนความกังวลการเงินเศรษฐกิจถดถอย ได้แก่ 1) ยอดขายบ้านมือสอง ต.ค. เพิ่มขึ้น 3.96 ล้านยูนิต (+3.4% MoM) สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 3.95 ล้านยูนิต 2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 213,000 ราย ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 220,000 ราย // อย่างไรก็ตาม ตลาดเริ่มมีมุมมองดอกเบี้ยสหรัฐฯ อาจลดลงช้า ล่าสุด นักลงทุนมองเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมธ.ค.เหลือ 52% (จาก 72% ในสัปดาห์ก่อน)
สรุปผลประกอบการไตรมาส 3/67 ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนรวมไตรมาส 3/67 ออกมา -28.9% QoQ และ -35.2% YoY ทั้งนี้การลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ส่วนใหญ่เป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล อย่างไรก็ตามการลดลงเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) แสดงถึงความอ่อนแอหรือปัจจัยลบของหลายอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมที่เป็นตัวฉุดผลประกอบการ ได้แก่ พลังงาน, ปิโตรเคมี, ขนส่ง และโรงแรม ขณะที่อุตสาหกรรมที่เติบโตดี ได้แก่ กลุ่มบริโภค, ธนาคาร, สื่อสาร และค้าปลีก
ให้น้ำหนักกับหุ้นที่โมเมนตัมผลประกอบการดีไปถึงไตรมาส 1/68 หากมองข้ามงบไตรมาส 3/67 ไปยังกลุ่มที่ผลประกอบการน่าจะมีแรงส่งเชิงบวกในช่วง ไตรมาส 4/67-1/68 เราชอบกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก ได้แก่ AOT, MINT, ERW, SPA, VRANDA, BDMS, BCH, CPALL, CPAXT, BJC, TNP // สำหรับกลุ่มที่งบอาจทรงๆแต่ดีขึ้นในไตรมาส 1/68 ได้แก่ ธนาคาร, การเงิน เราชอบ KBANK,KTB, SCB, MTC, TIDLOR, KTC // ส่วนพลังงาน อาจเก็งกำไรได้จากงบไตรมาส 4/67 ที่คาดจะฟื้นตัวตามราคาน้ำมันดิบ (หลายตัวขาดทุนสต็อคหนักในไตรมาสที่ผ่านมา) เราชอบ PTTEP, BCP, SPRC // หุ้นที่ได้แรงหนุนจากรายจ่ายภาครัฐ ได้แก่ SYNEX, SIS, SAMART, CSS, CK, STECON
ภาพรวมกลยุทธ์ “เลือกเก็งกำไรรายตัว โดยไม่กังวล DELTA เกินไป ความผันผวนจาก DELTA กดดัชนีลงทดสอบ 1,440+/- จุด ใกล้เคียงที่เราคาด ในเชิงกลยุทธ์เราคงมุมมองเลือกเก็งกำไรรายตัว สะสมหุ้นที่โมเมนตัมกำไรยังเป็นบวกในช่วง 2 ไตรมาสหน้า
แนวรับ: 1,432-1,438 แนวต้าน : 1,455 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• CPN* (66) : ผลการดำเนินงานเข้า high season และได้แรงหนุนจากมาตรการเพิ่มกำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐในช่วงปลายปี-ต้นปี ตัดขาดทุน 60.75 บาท
• PTTEP* (136) : ผลประกอบการช่วงสั้นคาดไม่มีปัจจัยลบขนาดใหญ่ ขณะที่อาจมีแรงหนุนจากปัจจัยภูมิรัฐศาตร์ที่เข้มข้นขึ้น และความคืบหน้าการเจาจาพื้นที่ทับซ้อน (OCA) ตัดขาดทุน 120 บาท
• SAMART* (9) : ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนในช่วง 2567-68 ทั้งจากการใช้จ่ายภาครัฐ และการกลับมาเริ่มมีกำไรของบ.ลูกอย่าง SDC ตัดขาดทุน 7.45 บาท
• ERW* (4.60) : ผลการดำเนินงานเข้า high season และได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตัดขาดทุน 4.02 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด
- AOT โชว์กำไรงวดปี 67 พุ่ง 118% รับการบินกลับมาคึกคัก
- TLI อวดผลงาน 9 เดือนแรกกำไรโต 8.7% ทั้งจากการรับประกันภัย-การลงทุน ธุรกิจใหม่แข็งแกร่ง
- ORI แนะนำ “ถือ” เป้า 4.10 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
25 พ.ย. – TH Exports (Oct)