วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Electronics Sector AI จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตในปี 2568F
แนวโน้มไม่ชัดเจนในระยะสั้น แต่ฐานที่ต่ำใน 3Q67 จะช่วยหนุนให้ผลประกอบการดีขึ้น QoQ ใน 4Q67
คาดว่าผลประกอบการ 4Q67 ของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ที่เราศึกษาอยู่ (Delta Electronics (Thailand)
(DELTA.BK/DELTA TB)*, Hana Microelectronics (HANA.BK/HANA TB)*, KCE Electronics (KCE.BK/KCE TB)* และ SVI (SVI.BK/SVI TB)) จะดีขึ้น QoQ หลังจากที่กำไรจากธุรกิจหลักใน 3Q67
ออกมาน่าผิดหวัง ที่ 6.8 พันล้านบาท (+10% YoY, -8% QoQ) โดย DELTA เป็นเพียงบริษัทเดียวในกลุ่มที่กำไรจากธุรกิจหลักใน 3Q67 เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ส่วนใน 4Q67F เราคาดว่ากำไรของ DELTA จะเพิ่มขึ้น YoY จากยอดขายที่แข็งแกร่ง (อุปสงค์ server ฟื้นตัวขึ้น) และ อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจาก product mix ที่ดี ในขณะที่คาดว่าของบริษัทอื่น ๆ จะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ เพราะฐานต่ำ
แนวโน้มอุตสาหกรรมยังเป็นบวกเพราะได้แรงขับเคลื่อนจาก AI
เราคิดว่าการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี AI จะเป็นประเด็นเด่นในปี 2568 ที่น่าจะช่วยขับเคลื่อนอุปสงค์ของ
semiconductors ทั่วโลก โดย World Semiconductor Trade Statistics (WSTS) คาดว่ายอดขาย
semiconductor โลกจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 16% YoY ในปี 2567 นำโดยยอดขายในสหรัฐที่คาดว่าจะ
โต 25% YoY สอดคล้องกับมุมมองของทีมวิจัย KGI Taiwan ซึ่งคาดว่าอุปสงค์ server โลกจะเพิ่มขึ้น 5%
YoY ในปี 2567F และ จะเร่งตัวขึ้นเป็น 10% YoY ในปี 2568F จากการที่งบลงทุน (CAPEX) ของ CSP
ในสหรัฐเติบโตอย่างโดดเด่นถึง 54% YoY ในปี 2567F ก่อนที่จะโตลดลงเหลือประมาณ 20% YoY ในปี
2568F และ 10% ในปี 2569F
ประเด็นที่น่าเป็นห่วง และ ปัจจัยที่ต้องติดตาม
มีบางปัจจัยที่อาจจะฉุดผลประกอบการของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ได้แก่ i) ความเสี่ยงจากสงครามการค้า 2.0 ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Trump ซึ่งมุ่งมั่นจะเพิ่มอัตราภาษีสินค้านำเข้า ii) ราคาทองแดงที่อาจจะเพิ่มขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ US$10,000-11,000/ton ในปี 2568F จากระดับปัจจุบันที่ประมาณ US$9,000/ton iii) การแข็งค่าของเงินบาท โดยเราคาดว่าเงินบาทที่แข็งขึ้นทุก ๆ 1 บาท/ดอลลาร์ฯ จะกระทบกำไร 4%-10% (Figure 41) และ iv) ค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยเราคาดว่าค่าแรงขั้นต่ำ ที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 5% จะกระทบกำไรสุทธิ 3%-10% (Figure 43)
DELTA เหนือกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม
ในบรรดาบริษัทกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ของไทยที่เราศึกษาอยู่ เราคาดว่า DELTA จะได้อานิสงส์จากกระแสโลก เพราะประมาณ 30% ของยอดขายรวมเกี่ยวข้องกับ data center นอกจากนี้ DELTA ยังมีโอกาสจะได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจาก Delta Taiwan จากประเด็นความตึงเครียดทางการเมือง ส่วนในแง่ของความเสี่ยงนั้น DELTA อยู่ในสถานะที่ดีกว่าจากทั้ง product mix และ อัตรากำไร ดังนั้น ราคาหุ้นของบริษัทจึงสมควรจะมี premium บ้าง
Valuation & action
ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมจะมีแนวโน้มเป็นบวกจากการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี AI แต่ยังมีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้อัตรากำไรลดลง ในขณะที่ราคาหุ้นในกลุ่มแพงแล้ว ดังนั้น เราจึงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ “เท่ากับตลาด”
Risks
ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, การจัดส่งล่าช้า,
ขาดแคลนวัตถุดิบ และ เงินบาทแข็งค่าขึ้น
สรุปผลประกอบการ 3Q67: เป็นไตรมาสที่น่าผิดหวัง
กำไรจากธุรกิจหลักใน 3Q67 ของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ไทยที่เราศึกษาอยู่ (DELTA, HANA, KCE และ SVI) อยู่ที่ 6.8 พันล้านบาท (+10% YoY, -8% QoQ) จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของ DELTA ซึ่งเป็นเพียงบริษัทเดียวในกลุ่มที่กำไรจากธุรกิจหลักใน 3Q67 เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ โดยดีกว่าประมาณของเรา 10% จากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย และ อัตรากำไรขั้นต้น
ผลประกอบการของ HANA ออกมาแย่ที่สุด โดยกำไรจากธุรกิจหลักลดลงเกือบ 100% ทั้ง YoY และ QoQ และ ต่ำกว่าประมาณการของเราเกือบ 100% ด้วย โดยยอดขายของ HANA ต่ำกว่าที่เราคาดเอาไว้ 9% และ GPM ต่ำกว่าที่เราคาดเอาไว้ 6.2ppts
กำไรจากธุรกิจหลักใน 3Q67 ของ KCE ต่ำกว่าประมาณการของเรา 16% และ ของ SVI ต่ำกว่าประมาณ
การของเรา 42% โดยยอดขายของ SVI ต่ำกว่าที่คาดไว้ 6% ในขณะที่ GPM ต่ำกว่าที่คาดไว้ 2.4ppts
ส่วนยอดขายของ KCE เป็นไปตามประมาณการของเรา แต่ GPM ต่ำ กว่าที่คาดไว้ 2.8ppts