วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก รอผลการประชุมเฟด
วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเวลาการซื้อขาย ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงกดดันจากสหรัฐเผยตัวเลขเงินเฟ้อ PPI ปรับตัวขึ้นสูงกว่าคาดการณ์ ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ Fund Flow นักลงทุนต่างชาติไหลออกอย่างต่อเนื่อง
มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA และแรงขายเพิ่มเติมในหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,431.67 จุด -8.22 จุด -0.57% มูลค่าการซื้อขาย 40,324.88 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี -19.15 จุด -1.32%) Program Trading -1,217.13 ลบ. ต่างชาติ -484.13 ลบ. TFEX -29,118 สัญญา ตราสารหนี้ -2,594.75 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ +1.81% ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า บรรดานักลงทุนคาดว่า มีโอกาสสูง ถึง 97% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนคาดว่ามีโอกาสที่ FED จะหยุดพักการปรับอัตราดอกเบี้ย ในเดือนม.ค. 2568
+ ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ถูกรัฐสภาลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่งกรณีพยายามประกาศกฎอัยการศึกขณะที่กระทรวงการคลังเกาหลีใต้ยืนยันเดินหน้า ใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพตลาดการเงินอย่างเต็มที่เพื่อประคองเศรษฐกิจ
+ คณะผู้แทนทางการทูตระดับสูงจากสหรัฐฯ, ตุรกี, สหภาพยุโรป (EU) และ กลุ่มประเทศอาหรับได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ของซีเรียเคารพสิทธิของชนกลุ่มน้อย หลังเสร็จสิ้นการเจรจาในประเทศจอร์แดน และหารือสายตรงกับกลุ่มกบฏที่เพิ่งโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ลงจากอำนาจได้สำเร็จ
+ รมช.คลังเปิดเผยถึงสถานการณ์ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือน ต.ค.-พ.ย.67 ดีขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือนติดกันส่วนหนึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่าน ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ 14.55 ล้านคนที่ดำเนินการตั้งแต่ช่วง ปลายเดือน ก.ย.67 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือน
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 86.06 จุด หรือ -0.20% ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ปรับตัวลง ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 4 สัปดาห์ติดต่อกัน
- ภาคการผลิตของญี่ปุ่นในเดือนธ.ค. ยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 จาก ความต้องการสินค้าที่ลดลง ส่วนภาคบริการกลับขยายตัวดีขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังพึ่งพาภาคบริการมากขึ้นเรื่อย ๆ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นของญี่ปุ่นในเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้นจาก 49.0 ในเดือนพ.ย. แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 มาตั้งแต่เดือนมิ.ย.บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
-ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสม ตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-14 ธันวาคม 2567 พบว่าสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 50,918.06 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์(โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 3,096.13 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 144,735.97 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ (รายย่อย) ซื้อสุทธิ 90,721.78 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวออกข้าง โดยตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่เข้าหนุนประกอบกับรอการประกาศผลการประชุมเฟดที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม คาดตลาดยังคงยืนสร้างฐานได้ โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ประกอบกับแรงเก็งกำไรบางส่วนจากการคาดการณ์หุ้นที่จะถูกเข้าคำนวณในดัชนี SET50/100 ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้อยู่ในแดนบวกสลับลบ มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,426-1,438 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : AMATA WHA ROJNA TLI BLA DELTA HANA
• รัฐเตรียมแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัย : CPALL CPAXT BJC TNP
• สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่เติบโตดี : STA NER TFG MALEE ITC AAI
• ปรับดัชนี FTSE SET Index Series มีผลวันที่ 23 ธ.ค. 67 : FTSE SET Large Cap เข้า MINT ออก EA FTSE SET Mid Cap เข้า CCET EA ออก BLAND BYD MINT ORI SPCG
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
หุ้นรายงานพิเศษ
BCH "ซื้อ" Bloomberg Consensus 21.00 บาท มี Upside26%
"มุมมองบวกต่อมติการจ่ายอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีโรคยาก
คงที่ 12,000 บาท/AdjRW มีผล 1 ม.ค.68 เป็นต้นไป"
•เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.67 ที่ประชุมบอร์ดประกันสังคมมีมติเห็นชอบจ่ายอัตราค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยกรณีโรคยากให้กับโรงพยาบาล (รพ.) เอกชนคงที่ 12,000 บาท/AdjRW มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค.68 เป็นต้นไป
•ความเห็น เรามองเป็นบวกกับกลุ่มรพ.ประกันสังคม BCH (สัดส่วน 34%) CHG (สัดส่วน 33%) และ RJH (สัดส่วน 51%) อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม 4Q67 อาจถูกกระทบจากการบันทึกค่ารักษาที่อาจได้รับต่ำกว่า 12,000 บาท/AdjRW ในช่วงที่เหลือ ของงบประมาณปี 67 (ปัจจุบันได้รับถึงเดือนมิ.ย.67) เพื่อไม่ให้ต้องกลับรายการในปี 68 โดยเราชื่นชอบ BCH เนื่องจากยังมีปัจจัยช่วยหนุนผลประกอบการปี 68 เพิ่มเติม อาทิ ได้รับการติดต่อจากคูเวตเพื่อขอทราบรายละเอียดราคาค่าบริการ ทำให้มีความมั่นใจเกี่ยวกับการส่งตัวผู้ป่วยคูเวตว่าจะติด 1 ใน 3 รพ.เป้าหมาย และรพ.ใหม่ทั้ง 3 แห่งมีโอกาสพลิกมีกำไรในปี 68 ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 67-68 ของ BCH ราว 1,481 ลบ. +5%YoY (9M67 คิดเป็น 70%) และ 1,728 ลบ. +17%YoY ตามลำดับ และราคาเหมาะสม 21 บาท มี Upside26% แนะนำ "ซื้อ"
หุ้นมีข่าว
(+) MEDEZE (ราคาเหมาะสม 11.40 บาท) เตรียมขยายธุรกิจสเต็มเซลล์รากผม เปิดตัวทางการกุมภาพันธ์ปีหน้า หมอดังย้ายรากผมสนับสนุน ขณะธุรกิจสเต็มเซลล์ยังฮอต แห่เก็บต่อเนื่อง แม้มีกระแสต้าน ชี้เป็นเรื่องดี พร้อมยกอนาคตเทคโนโลยีพัฒนามาทางนี้ ขยายเก็บสเต็มเซลล์จากไขมันสู่ต่างจังหวัด ชูผลงานไตรมาส 4 เด่นตามเป้า จับตานักลงทุนเข้าพบ 17 ธันวาคมนี้ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SNPS (ราคาเหมาะสม 6.00 บาท) เปิดงบ 9 เดือน ปี 2567 รายได้เติบโตต่อเนื่องกว่า 24% ส่วนกำไรสุทธิ มีอัตราการเติบโต 100% YoY เดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศ แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายกว่า 6 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย ฝรั่งเศส มาเลเซีย และสิงคโปร์ มั่นใจรายได้ปี 2567 โต 30% ตามคาด (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PLT (Bloomberg Consensus 1.14 บาท) เตรียมเพิ่มกองเรือรองรับความต้องการขนส่งที่เพิ่มขึ้น รุกขยายฐานใหม่ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมอัพสัดส่วนรายได้ธุรกิจเช่าเหมาเรือแบบระยะเวลาเป็น 20-30% มุ่งบริหารต้นทุนรักษามาร์จิ้น 20% แย้มไตรมาส 4 พีค ไฮซีซันหนุนใช้ LPG เพิ่มขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ASAP (Bloomberg Consensus - บาท) ปิดยอดจองค่าย CHANGAN ในงาน "มอเตอร์ เอ็กซโป 2024" ทะลุเป้าแตะ 3,093 คัน คาดเริ่มส่งมอบล็อตแรกได้ราว 200 คันภายในปีนี้ ส่งซิก Q4/2567 ฟอร์มสวย เก็บเกี่ยวยอดขายอีวี แถมได้ผลดีไฮซีซันท่องเที่ยวธุรกิจเช่าสดใส (ที่มา ทันหุ้น)