วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Transportation Sector ฤดูท่องเที่ยวแข็งแกร่งใน 4Q
จากสถิติของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 8 ธันวาคม 2567 อยู่ที่ 32.7 ล้านคน (+28% YoY) นำโดยนักท่องเที่ยวจาก 5 ประเทศ
ได้แก่ จีน (6.3 ล้านคน), มาเลเซีย (4.6 ล้านคน), อินเดีย (1.9 ล้านคน), เกาหลีใต้ (1.7 ล้านคน) และ รัสเซีย (1.6 ล้านคน) คิดเป็น 93.4% ของประมาณการเต็มปีของ KGI ที่ 35 ล้านคน สำหรับเดือนธันวาคม เราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น MoM เพราะเป็นช่วง peak ตามฤดูกาลของการท่องเที่ยวไทย ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะทำได้ตามเป้า
กลุ่มการขนส่งทางอากาศจะได้อานิสงส์จากฤดูท่องเที่ยวรอบนี้
กลุ่มการขนส่งทางอากาศ (สนามบิน และ สายการบิน) จะได้อานิสงส์เต็ม ๆ จากฤดูท่องเที่ยวของประเทศไทย เพราะเป็นประตูที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศ เรามองบวกกับแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้นใน 4Q67 และ ยังคาดว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2568F และ 2569F จนกลับมาอยู่ระดับก่อน COVID ระบาดได้ (จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2562 อยู่ที่ 39.8 ล้านคน ในขณะที่เราคาดว่าจะอยู่ที่ 38 ล้านคนในปี 2568F และ 41 ล้านคนในปี 2569F) โดยจะได้แรงสนับสนุนจาก i) การที่นักท่องเที่ยวกระจายตัวมากขึ้น ii) นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล iii) จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่น่าจะเพิ่มขึ้นจากการเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และ iv) ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในฐานะที่เป็นจุดหมายด้านการท่องเที่ยว
แนวโน้มของ AOT* และ AAV* ดูสดใส
สำหรับแนวโน้มใน 4Q67 เรามองว่าช่วง peak ตามฤดูกาลของการท่องเที่ยวจะช่วยหนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ซึ่งหมายความว่ากำไรของผู้ประกอบการสนามบิน และ สายการบินมีแนวโน้มจะดีขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย โดย AOT จะได้โมเมนตัมบวกจากทั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับการบิน และ ไม่เกี่ยวกับการบิน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย
และ นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นทั้งคู่ แนวโน้มที่แข็งแกร่งของธุรกิจที่เกี่ยวกับการบินยังส่งผลให้แนวโน้มของธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบิน (รายได้จากค่าเช่า, ค่าบริการ และ สัมปทาน) ดีขึ้นไปด้วยตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เรายังคาดว่าผลประกอบการของ AAV จะได้แรงหนุนจาก i) จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง YoY ใน 4Q67F ii) ต้นทุนเชื้อเพลิงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และ iii) ค่าตั๋วเฉลี่ยสูงใน 4Q67 ดังนั้นกำไรจากธุรกิจหลักจึงน่าจะออกมาแข็งแกร่ง
แนวโน้มธุรกิจปกติของการขนส่งทางบกดูไม่น่าตื่นเต้น
เรามองกลาง ๆ กับแนวโน้มของกลุ่มขนส่งทางบก เพราะไม่คิดว่าจะมีปัจจัยกระตุ้นใหม่เข้ามาขับเคลื่อนกำไรของ BTS* อีก นอกเหนือไปจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง เช่น ผลขาดทุนจากการลงทุนลดลง, ผลการดำเนินงานของรถไฟฟ้าสายสีชมพู และ เหลืองดีขึ้น และ การรับชำระหนี้จาก กทม.
รัฐบาลต้องการคุมค่าตั๋วรถไฟฟ้าทุกสายที่ 20 บาท
รัฐบาลไทยอนุมัติให้คุมค่าตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าทุกสายไว้ที่ 20 บาท โดยตั้งเป้าจะเริ่มใช้ภายในเดือนกันยายน 2568 เรามองว่ารัฐบาลจะดำเนินนโยบายนี้ได้ถ้าซื้อโครงการรถไฟฟ้าของภาคเอกชนคืนจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของ BTS Group Holdings (BTS.BK/BTS TB)* ประเด็นนี้จะช่วยลดผลกระทบเชิงลบจากการที่รถไฟฟ้าสายสีชมพู และ เหลืองทำกำไรไม่ได้
Valuation & Action
เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มขนส่งที่ Neutral โดยยังคงเลือก AOT* และ AAV* เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ เรายังคงคำแนะนำซื้อหุ้นทั้งสองตัวนี้โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 71.50 บาท และ 3.60 บาท ตามลำดับ
Risks
COVID-19 ระบาด และเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้