วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน
![วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน](https://image.bangkokbiznews.com/uploads/images/md/2024/12/nAX3oW2vgO7bu7aqqrhQ.webp?x-image-process=style/LG)
วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลงหลุด 1,400 จุด ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมี Sentiment เชิงลบจาก Bond Yield สหรัฐปรับตัวขึ้น ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ Fund Flow นักลงทุนต่างชาติ ไหลออกต่อเนื่อง มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่ม Big-Cap
และยังคงมีแรงขายกดดันจากหุ้น CPAXT และ CPALL อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาการประกาศผลการประชุมเฟดในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปี 68 ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,395.57 จุด -24.15 จุด -1.70% มูลค่าการซื้อขาย 55,294.45 ลบ. Program Trading -220.98 ลบ. ต่างชาติ -557.88 ลบ. TFEX -25,507 สัญญา ตราสารหนี้ -373.71 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนแสดงความหวังว่ารัฐบาลใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ จะเลือกทางที่ถูกต้องและทำงานร่วมกับจีน หลังจากทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับ "เพื่อน" อย่างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ต้องบาดหมางกัน
+ สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7%MoM ในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6%MoM หลังจากปรับตัวขึ้น 0.5% MoM ในเดือนต.ค. ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 3.8%YoY หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.9%YoY ในเดือนต.ค.
+ แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.1% ในไตรมาส 4/2567
+ สศช.ชี้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปีนี้ขยายตัว 4% จากแรงหนุนนโยบายแจกเงิน ลุ้นท่องเที่ยว ส่งออกขยายตัว
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 267.58 จุด หรือ -0.61% ขณะที่นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนที่จะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 63 เซนต์ หรือ -0.89% ปิดที่ 70.08 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน หลังมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีอ่อนแอลงและการใช้จ่ายของผู้บริโภคจีนซบเซาลง และนักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด
-เยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปรับตัวลงสู่ระดับ 84.7 ในเดือนธ.ค. ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 85.5
- ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติรับคำร้องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐสังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน กรณีส่งตัวผู้ต้องขังนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงกดดันจากการเมืองในประเทศ หลังป.ป.ช.มีมติรับคำร้องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐสังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ กรณีส่งตัวผู้ต้องขังนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ ประกอบกับยังมีแรงขายในหุ้นกลุ่ม CP จากปัจจัยเฉพาะตัว มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,385-1,405 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : AMATA WHA ROJNA TLI BLA DELTA HANA
• สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่เติบโตดี : STA NER TFG MALEE ITC AAI
• ปรับดัชนี FTSE SET Index Series มีผลวันที่ 23 ธ.ค. 67 : FTSE SET Large Cap เข้า MINT ออก EA FTSE SET Mid Cap เข้า CCET EA ออก BLAND BYD MINT ORI SPCG
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
หุ้นรายงานพิเศษ
ADVANC "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" (Bloomberg Consensus 299.00 บาท)
"กำไรสุทธิ 3Q67 +7.9%YoY, +2.5%QoQ"
•ผลประกอบการใน 3Q67 มีรายได้เท่ากับ 52,209 ล้านบาท +13.0%YoY จากการรับรู้รายได้ของ TTTBB และการเติบโตปกติของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และการเติบโตของ ARPU และจำนวนเลขหมายที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการมุ่งเน้นบริการที่ สร้างมูลค่าเพิ่ม หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน +1.7%QoQ เนื่องจากการขายอุปกรณ์เพิ่มสูงขึ้น ตามช่วงการเปิดตัว iPhone 16 ในปลาย ก.ย. 67 ในส่วนของ EBITDA อยู่ที่ 27,696 ล้านบาท เติบโต +17%YoY ตามการเติบโตของรายได้การให้บริการหลักและผลกระทบเชิงบวกจากการรวม EBITDA ของ TTTBB ทั้งนี้ EBITDA ทรงตัว+0.3%QoQ ตามผลประกอบการที่ดีขึ้นชดเชยกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8,788 ล้านบาท +7.9%YoY ตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและส่วนแบ่งกำไรจาก 3BBIF (เริ่มรับรู้ตั้งแต่ 4Q66) และ +2.5%QoQ จากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนการเงินที่ลดลง โดยบริษัทมีกำไรสุทธิในช่วง 9M67 เท่ากับ 25,816 ล้านบาท +17%YoY
•ความเห็น : เรามีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัท โดยได้รับอานิสงส์จากภาวะเศรษฐกิจที่มีปัจจัยเชิงบวกมากขึ้น ขณะที่ผลกระทบจากปัจจัยตามฤดูกาลปกติลดลงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกอบกับเป็น Defensive Stock เหมาะกับการลงทุนในช่วงตลาดผันผวน ราคาปัจจุบันใกล้เคียง ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus เราจึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”
หุ้นมีข่าว
(+) MC (Bloomberg Consensus 13.10 บาท) ชี้ไตรมาสท้ายปียอดพุ่งเท่าตัว หนุนงวดปี 2567/68 รายได้โตสองหลักบนอัตรากำไรขั้นต้น 65% ยกดาต้าขับเคลื่อนธุรกิจต้นทุนหลักฝ้ายปรับลดบริหารจัดการดีขึ้น ชูฐานสมาชิกแตะ 2 ล้านราย ช่วยการซื้อสม่ำเสมอ ขณะที่ปีหน้าเตรียมดีล คอลแลปพันธมิตรใหม่ดึงฐานลูกค้าเพิ่ม แย้มศึกษาโมเดลอินฟลูเอนเซอร์ไลฟ์สดเจาะตลาดจีน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) AWC (Bloomberg Consensus 4.40 บาท) โชว์อัตราเข้าพักเดือนพฤศจิกายนโต 3 เท่า รับปัจจัยหนุนนักท่องเที่ยวคุณภาพไหลเข้า ทั้งจีน ออสเตรเลีย อเมริกา อินเดีย หนุนเรตราคาพุ่งสูงขึ้น พร้อมตั้งเป้าอัตราเข้าพักทะลุ 70% ล่าสุดจับมือ NEON และยูนิเวอร์แซล เนรมิตจูราสสิค เวิลด์ เปิดตัวในไตรมาส 2/2568 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) AURA (Bloomberg Consensus 18.50 บาท) รับอานิสงส์ธนาคารจีน กลับมาซื้อทองคำ หนุนราคาทองทรงตัวสูง กระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อลงทุนทองคำ ทั้งยังเข้าสู่ช่วงไฮซีซันเทศกาลมอบของขวัญ - จับจ่ายใช้สอย และความต้องการสภาพคล่องระยะสั้นหนุนพอร์ตสินเชื่อธุรกิจทองมาเงินไป ทั้งปีแตะ 4.5 พันล้านบาท มั่นใจรายได้รวมทั้งปี 2567 โต 20% ตามเป้า (ที่มา ทันหุ้น)
(+) STECON (Bloomberg Consensus 9.10 บาท) STEC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ STECON (สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 99.60) ได้ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงจ้างและรับจ้างก่อสร้างโครงการศูนย์การค้าบางกอกมอลล์ Zone 2 , 3 และ 4 ของ บริษัท บางนา ชอปปิ้งคอมเพล็กซ์ จำกัด มูลค่าโครงการ 5.8 พันล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ลักษณะงานก่อสร้าง โครงสร้าง สถาปัตย์ อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก (ที่มาอินโฟเควสท์)