เครือข่ายต้านทักษิณ จี้ ‘ป.ป.ช.’ เร่งคดีชั้น14 ชี้ ศาลฯ สั่งจับขังคุกใหม่ได้

เครือข่ายต้านทักษิณ จี้ ‘ป.ป.ช.’ เร่งคดีชั้น14 ชี้ ศาลฯ สั่งจับขังคุกใหม่ได้

“เครือข่ายต้านทักษิณ” บุก “ป.ป.ช.” เร่งรัดคดีป่วยทิพย์ ชั้น14 จี้ รับอีกคดี พักโทษ มิชอบ เข้าข่ายกระบวนการระดับชาติ ยื่นสอบเพิ่ม ทวี-พงษ์สวาท ร่วมช่วยเหลือ “แก้วสรร” เผย ชาญชัย จ่อยื่นศาลฯ สั่งกลับไปจำคุก “สาโรจน์” ยัน ทำหน้าที่ดีที่สุด หากมีบุคคลร่วมทำผิด โดนไต่สวนด้วย

ที่สำนักงานป.ป.ช. เครือข่ายอดีตกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชธิปไตย ​และ กปปส.​ รวมถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน นำมวลชนเดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือกรณีที่ ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พล.ต.ท. ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั่น14 โดยมิชอบ​ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ 

โดยนายพิชิต​ ไชยมงคล​ แกนนำคปท.​ แถลงข้อเสนอเพื่อประกอบการพิจารณา​ ดังนี้ ว่า​

1.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน 

2.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษอ้างว่า​นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย 

3.เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัด ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา เครือข่ายต้านทักษิณ จี้ ‘ป.ป.ช.’ เร่งคดีชั้น14 ชี้ ศาลฯ สั่งจับขังคุกใหม่ได้

4.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้ง และล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ นี่คือหายนะที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลังขณะเดียวกัน​ ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ ทั้ง​ พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง​ รมว.ยุติธรรม และ​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม​ เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​

ขณะที่นายนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ​ กล่าวว่า​ จากที่เคยเป็นนักวิชาการด้านกฎหมายและตรวจยึดทรัพย์ทักษิณมาแล้ว​ มองได้ว่า​งานนี้หลักฐานและข้อกฎหมายชัดเจนว่ามีมูลความผิด ตนมั่นใจในการทำงานของ ป.ป.ช. และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​ และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน พร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​ หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้ ทั้งนี้ จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช. เพราะคดีนี้เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​ และว่า หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่างจะยอมกราบเลย

ในส่วนของนายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต สว.​ กล่าวว่า ที่มาวันนี้ไม่ได้ต้องการกวักมือให้ใครยึดอำนาจหรือตีงูให้กากิน หรืออยากได้ตำแหน่งแห่งหนอะไร เพราะทุกคนก็แก่กันหมดแล้ว แต่เป็นสำนึกในการเป็นพลเมือง ที่ไม่ควรสยบยอมให้ใครคนใดคนหนึ่งกดข่มกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรให้ใครลอยตัวอยู่เหนือโทษทัน

ด้าน นายจตุพร กล่าวว่า มาให้กำลังใจ ป.ป.ช. เพราะมีความไม่สบายใจในอนาคต และท่านทราบดีเพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเอง วันนี้เรามาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน 12 คนนี้ ใครไม่ผิดคือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวนวันนี้ยังไม่ไว้ใจจนกว่าท่านจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ถึงวันนั้นตนและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้ง

นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้เป็นที่ประจักษ์นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน เวชระเบียน ป.ป.ช.ไม่มีปัญหาเรียกมาใช่หรือไม่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ มีการขอไปยังกรมราชทัณฑ์และรพ.ตำรวจ ไม่ได้ล้วงความลับผู้ป่วย ซึ่งการจะอ้างเป็นความลับ ป.ป.ช.สามารถขอเรื่องการทำหน้าที่ว่าได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 หรือไม่ หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้เวชระเบียน ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. รพ.ตำรวจ แม้กระทั่งผู้บังคับบัญชาของ ผบ.ตร. คือ นายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า​ ขณะนี้คณะกรรมการป.ป.ช ได้ตั้งองค์คณะไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้แล้ว และทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชัดเจนว่าหากพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมกระทำความผิดก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้น ไม่ต้องกังวล เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตามความคาดหวังของประชาชน และตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ และขอยืนยันว่าทางป.ป.ช เราทำงานตามพยานหลักฐานเป็นหลัก ทำให้บางเรื่องอาจไม่ตรงตามใจของประชาชน แต่การพิจารณาของเราต้องดูพยานหลักฐาน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ไต่สวน จะรวบรวมมาพิจารณา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และพร้อมเป็นเสาหลัก ในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป

จากนั้นบรรดาแกนนำได้ได้เข้าไปพูดคุยเป็นการภายในกับเลขาธิการป.ป.ช.ด้านในอาคาร