วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway เนื่องจากใกล้วันหยุดยาวปีใหม่ ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ จากตัวเลขส่งออกไทยขยายตัวในเดือนพ.ย. โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ขณะที่มีแรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากบอร์ด กพช. มีมติชะลอโครงการรับซื้อพลังงานหมุนเวียน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,397.80 จุด -3.05 จุด -0.22% มูลค่าการซื้อขาย 24,088 ลบ. Program Trading +399.38 ลบ. ต่างชาติ +433.71 ลบ. TFEX +2,240 สัญญา ตราสารหนี้ -1,488.50 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 28.77 จุด +0.07% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยบรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
+ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 219,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 224,000 ราย
+ อัตราว่างงานของญี่ปุ่นในเดือนพ.ย.ยังทรงตัวที่ 2.5% เท่ากับเดือนก่อนหน้า โดยตัวเลขผู้ลาออกจากงานโดยสมัครใจเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้หางานใหม่ลดลง
+ ผลสำรวจแนวโน้มราคาที่ดินในปี 68 พบว่ามีโอกาสเพิ่มขึ้นจากปีนี้อีก 5-10% ขึ้นอยู่กับทำเลเนื่องจากการขยายตัวของเมืองทำให้มีความต้องการที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
+ SCB EIC ระบุว่า มูลค่าการส่งออกไทย ขยายตัวสูงต่อเนื่องช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งปี 2567 มีโอกาสขยายตัวสูงกว่า 4% แม้ที่ผ่านมาส่งออกไทย จะเผชิญอุปสรรคตั้งแต่ต้นปีจากเศรษฐกิจโลกที่คาดการณ์ว่าจะชะลอลงและอุปสรรคการขนส่งทางเรือในโลกหลายที่ แต่ส่งออกไทยกลับได้ แรงหนุนจากหลายปัจจัยบวกที่ชัดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 48 เซนต์ หรือ -0.68% ปิดที่ระดับ 69.62 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ บดบังปัจจัยบวกจากข่าวรัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- มีรายงานข่าวว่าสำนักประธานาธิบดีไต้หวันจัดการซ้อมรบบนโต๊ะเป็นครั้งแรกเพื่อจำลองสถานการณ์ทางทหารที่อาจเกิดขึ้นกับจีน ท่ามกลางการเผชิญภัยคุกคามทางทหารที่เพิ่มขึ้น
- เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกลุ่มฮูตีแถลงการณ์ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 40 ราย จากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในกรุงซานาของเยเมน และเมืองท่าโฮเดดาห์ริมทะเลแดง
- ญี่ปุ่นรายงานว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.หดตัว 2.3% จากเดือนก่อนหน้านับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ยังคงประเมินภาวะการผลิตไว้ตามเดิมว่ายังผันผวน
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด ประกอบกับเป็นวันคาบเกี่ยวกับวันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเบาบาง มองกรอบดัชนี 1,394-1,405 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หลักทรัพย์สำหรับคำนวณดัชนี SET50/SET100/SET ESG รอบ 1H68 : SET50 เข้า BANPU CCET COM7 SAWAD ออก BCP CENTEL EA TIDLOR SET100 เข้า CCET COCOCO JTS PR9 ออก MBK RBF TIPH TOA SET ESG เข้าASK BBGI BTG DELTA DITTO JMART JMT KCE KCG MBK MOSHI PSH SCCC SCGD SGC SMPC SNNP SSP TASCO TLI TU VIH ออก BAFS BRI ERW ETC GFPT IRPC KEX KSL M-CHAI NOBLE NRF NYT TOG
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL
หุ้นรายงานพิเศษ
CPANEL "มุมมองเป็นกลาง"
"แนวโน้มรายได้ฟื้นตัวในปี 68"
•งวด 3Q67 บริษัทมีขาดทุนสุทธิ -11 ลบ. พลิกเป็นขาดทุน จากกำไร 13 ลบ. ใน 3Q66 และกำไร 9 ลบ. ในงวด 2Q67 โดยมีรายได้จากการขาย 39 ลบ. -62%YoY, -57%QoQ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และความล่าช้าของงบประมาณภาครัฐ ส่งผลต่อปริมาณการขายแผ่นผนัง และแผ่นพื้นคอนกรีตสาเร็จรูป มี %GPM ที่ระดับ 5.9% ลดลงจาก 38.1% ใน 3Q66 และระดับ 33.0% ใน 2Q67 สาเหตุหลักเกิดจากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ที่ลดลง เนื่องจากบริษัทเริ่มดำเนินงานในโรงงานผลิตแห่งใหม่ ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังผลิต (Utilization rate) ที่ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 26% จากระดับ 65% และ 63% ในงวด 3Q66 และ 2Q67 ตามลำดับ ช่วง 9M67 มีรายได้จากการขาย 226 ลบ. -31%YoY และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 8 ลบ. -83%YoY ณ วันที่ 2 ธันวาคม 67 มี Backlog 1422 ลบ. ประมาณการรับรู้รายได้ในปี 68-69 จานวน 1,385 ลบ.
•ความเห็น เรามีมุมมองเป็นกลางต่อ Outlook ของบริษัท เนื่องจากเราคาดว่ารายได้ในงวด 4Q67 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับในงวด 3Q67 แต่คาดรายได้จะฟื้นตัวแรงในปี 68 จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่มีความต่อเนื่อง และดีมานด์การก่อสร้างทั้งโครงการแนวราบ และโครงการแนวสูงฟื้นตัว โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อ-ขาย บน P/E ที่ระดับ 24x สูงกว่า sector วัสดุก่อสร้างมี P/E ที่ระดับ 17x เราจึงแนะนำ “ถือ”
หุ้นมีข่าว
(+) NKT (Bloomberg Consensus 10.40 บาท) รุกขยายการลงทุนโครงการใหม่ "โรงพยาบาลนครธน 2" คาดว่าแล้วเสร็จเริ่มเปิดให้บริการ-รับรู้รายได้ปลายปี 2568 จากนั้นจะขออนุญาตเป็นโรงพยาบาลประกันสังคม เพื่อขยายฐานผู้เข้ารับบริการแก่ผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคม ซึ่งคาดว่าเริ่มให้บริการผู้ประกันตนได้ประมาณ ปี 2570 มองดีมานด์ในพื้นที่มีสูง พร้อมเดินหน้าลงทุนโครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ อีก 110 เตียง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) AWC (Bloomberg Consensus 4.40 บาท) ผนึกบิ๊กญี่ปุ่น "Hotel Okura" ร่วมมือพัฒนา 2 โรงแรม ในเชียงใหม่และกรุงเทพฯ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 7,600 ล้านบาท เพิ่มจำนวนห้องพักกว่า 400 ห้อง ให้กับพอร์ตโฟลิโอของ AWC คาดเปิดให้บริการในปี 2571 ช่วยสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก (ที่มา ทันหุ้น)
(+) TEGH (Bloomberg Consensus 4.90 บาท)ปรับกลยุทธ์ขยายฐานเจาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เฉพาะเจาะจง บริหารจัดการมาร์จิ้นทั้งปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจ CPO รับอานิสงส์เพิ่มศักยภาพการผลิตเต็มปี แถมยังรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เล็งผุดสินค้าที่เกี่ยวเนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มมูลค่า หนุนผลงานทั้งปี 2568 โตแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) DOD (Bloomberg Consensus - บาท) ส่งสัญญาณไตรมาส 4/2567 โกยรายได้ออเดอร์จากการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 100-120 ล้านบาท ส่วน "ออสเวลไลฟ์" 75-80 ล้านบาท หนุนโค้งท้ายผลงานทะยานแตะ 175-200 ล้านบาท แย้มเจรจาลูกค้ารายใหม่ (ที่มา ทันหุ้น)