วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US EU CN รายงานภาคบริการ & เงินเฟ้อไทย
ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Down แนวรับ 1,377/1,370 จุด แนวต้าน 1,390/1,395 จุด (EMA 10 วัน) ภาพระยะกลางอยู่ในรูปแบบ Sideways กรอบใหญ่ 1,273-1,716 จุด
ส่วนแนวโน้มระยะสั้น ยังคงอยู่แนวโน้มขาลงจากอิทธิพลของรูปแบบ Rounding Top (U คว่ำ) โดยมีแนวรับลุ้นรีบาวนด์ บริเวณใกล้ 1,360 จุด สำหรับกลยุทธ์รายสัปดาห์ แนะนำ ซื้อ อิงอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดกลับมาเข้าสู่โซนซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกัน
ประเด็น Event สำคัญวันนี้
US Counting the electoral votes: สภาคองเกรสจะประชุมกันเพื่อรับรองผลการนับคะแนนเสียงจาก Electoral College สำหรับ ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยมีรองประธานาธิบดีแฮร์ริสจะเป็นประธานในพิธี
US: จับตาสัญญาณดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปจากสุนทรพจน์คณะกรรมการเฟด Lisa Cook (Voter) ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
Thailand: เงินเฟ้อเดือน ธ.ค. Consensus คาด Inflation/Core Inflation Rate เดือน ธ.ค. อยู่ที่ +0.9% YoY/0.85% YoY (Vs เดือน พ.ย. 0.95% YoY/0.8% YoY) ทั้งนี้ ธปท. คาด Inflation/Core Inflation ปี 2024-25E ขยายตัว 0.4% YoY และ 1.1% YoY/0.6% YoY และ 1.0% YoY ตามลำดับ ส่วนตลาดให้โอกาสกนง. มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง
US EU CN JP: รายงานภาคบริการและภาครวม (Composite) เดือน ธ.ค. ซึ่ง US (S&P Global คาดอยู่ที่ 58.5/56.6 Vs เดือน พ.ย. 56.1/54.9) EU (HBOC คาดอยู่ที่ 51.4/49.5 Vs เดือน พ.ย. 49.5/48.3) CN (Caixin คาดอยู่ที่ 51.1/51.5 Vs เดือน พ.ย. 51.5/52.3) JP (Jibun Bank คาดภาคการผลิตอยู่ที่ 51.4 Vs เดือน พ.ย. 50.5)
US Factory Orders เดือน พ.ย. คาด -0.3% MoM Vs +0.2% MoM ในเดือน ต.ค.
Weekly Strategy มุมมองต่อ SET พบว่าเข้าสู่เขต Oversold อีกครั้ง (โอกาสสำหรับการซื้อคืน)
การปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะดัชนี NASDAQ จากความกังวลภาวะเงินเฟ้อสูง และ Bond yields ขาขึ้น ได้กดดันให้หุ้น DELTA ซึ่งมีการเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กันในเชิงบวกต่อกัน (Figure 1) เผชิญกับการปรับฐานแรงถึง -8.2% WoW กดดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับฐานตาม ผลักดันให้อัตราผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้นมาที่ 7.02% สวนทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 2.25% (Figure 2) จนทำให้ส่วนต่างผลตอบแทน (Market risk premium) ขยายกว้างขึ้นเป็น 4.77% กลับเข้าสู่โซน Oversold อีกครั้ง บ่งชี้ว่า การปรับฐานของตลาดหุ้นไทยได้สะท้อนปัจจัยเสี่ยงมาเกินไป จึงเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อคืน โดยมีเป้าหมายการฟื้นตัวไปที่ 1,465 จุด (อิง MRP ค่าเฉลี่ย ที่ 4.37%)
Strategic daily picks
KBANK ปิด 154.50 บาท/แนวรับ 151.00 บาท แนวต้าน 158.50 บาท
ถือต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 คาดกำไรปี 2025-26E เติบโตเฉลี่ย 8.2% ต่อปี หนุนจาก Credit costs ลดลงกลับเข้าสู่ระดับปกติ หลังการบริหารจัดการงบดุลทำเกือบแล้วเสร็จในปี 2024E ขณะที่หุ้นน่าสนใจขึ้นในเชิงประเมินมูลค่า ด้วยมีส่วนต่าง 16% เมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐาน (FV) ใหม่ปี 2025E ที่ 182.00 บาท (เดิม 150.00 บาท) หลังอัตราผลตอบแทนคาดหวังใหม่ที่ใช้เป็นอัตราคิดลด ขยับลงมาที่ 11.3% (เดิม 13.2%) ตามการปรับสมมติฐาน MRP ใหม่เป็น 3.75% (เดิม 4.34%)
SCB ปิด 118.00 บาท/แนวรับ 113.00 บาท แนวต้าน 125.00 บาท
ถือต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 การตั้งสำรองมีแนวโน้มปรับตัวลง ผ่านการปรับปรุง credit underwriting ของ CardX และการคงการจ่ายค่าบัตรเครดิตขั้นต่ำในปี 2025E รวมทั้งการเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อ จะหนุนให้กำไรปี 2025-26E โตเฉลี่ย 8.8% ต่อปี ขณะที่ราคาหุ้นมีส่วนต่างถึง 23% เมื่อเทียบกับ FV ใหม่ปี 2025E ที่ 145.00 บาท (เดิม 124.00 บาท) หลัง RROE ปรับลงมาที่ 9.7% (เดิม 10.6%) ตามสมมติฐาน MRP ใหม่
BLA ปิด 20.50 บาท/แนวรับ 20.00 บาท แนวต้าน 21.80 บาท
ถือต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 การเร่งตัว QoQ ของยอดขายประกันใหม่ 4Q24E ตามปัจจัยฤดูกาล (รับประโยชน์การลดหย่อนภาษี) เป็นปัจจัยหนุนระยะสั้น ขณะที่มาตรฐานบัญชี TFRS 17 (ประกาศใช้ในปี 2025E) ยังจูงใจให้บริษัทไปให้ความสำคัญกับกรมธรรม์ที่ทำกำไรได้มากขึ้น เพิ่มเสถียรภาพของกำไรในระยะยาว