กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ มีช่วงฟื้นตัวได้บ้าง ยังให้ติดตามปัจจัยต่างประเทศใกล้ชิด
ตลาดหุ้นไทยน่าจะฟื้นตัวได้บ้างในสัปดาห์นี้ ในสัปดาห์ที่แล้ว (30 ธันวาคม ถึง 3 มกราคม 2568) ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลง และ อ่อนแอเกินคาดเนื่องจาก
ประการแรก มีหุ้น mega-cap สองสามตัวใน SET ที่ขยับลงในช่วงต้นปีจากเหตุผลที่แตกต่างกันไป โดย
ในส่วนของ DELTA* ลงเพราะความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการนำมาตรการ global minimum tax
(GMTs) มาใช้ ในขณะที่ GULF* และ INTUCH* ที่วิ่งขึ้นมาแรงในช่วงหลายเดือนมานี้เผชิญแรงเทขายทำกำไร
ประการที่สอง ผู้เล่นในตลาดยังรอดูประเด็นเศรษฐกิจโลกในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความชัดเจนของสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และ สัญญาณนโยบายการเงินสหรัฐจากผู้บริหาร Fed
สำหรับในสัปดาห์นี้ (6-10 มกราคม) เราคาดว่าดัชนี SET จะขยับขึ้นได้เล็กน้อยจากประเด็นการลงทุนดังต่อไปนี้
ประเด็นแรก นักลงทุนมองบวกมากขึ้นกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ตั้งเป้าอัตราการขยายตัวของ GDP จีนในปี 2567 และ 2568 ไว้ที่ปีละ 5.0% ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าจีนพร้อมจะออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มอีก ทั้งนี้ ถ้าหากมีสัญญาณว่าสงครามการค้า 2.0 จะไม่รุนแรงสภาวะการลงทุนของหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจจีนน่าจะดีขึ้น
ประเด็นที่สอง หุ้นกลุ่มหลักในตลาดไทยสองสามกลุ่มให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลค่อนข้างสูงหลังจากที่ราคาหุ้นย่อลงมาในช่วงเดือนที่ผ่าน ๆ มา ทั้งนี้ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยกำลังจะเข้าสู่ช่วงของการจ่าย เงินปันผลระหว่างกาลหลังประกาศผลประกอบการ 4Q67 เราจึงคาดว่าอาจจะมีแรงซื้อหุ้นเพื่อรอรับปันผลเข้ามาช่วยหนุนหุ้นใหญ่ของไทยหลาย ๆ ตัว โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคาร และ พลังงาน
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญเดือนธันวาคมของสหรัฐ และ ตัวเลข CPI เดือนธันวาคมของไทย
ปัจจัยต่างประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญเดือนธันวาคมของสหรัฐ ซี่งได้แก่ ISM ภาคบริการ และ การจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payrolls) และ ii) ปาฐกถาของผู้บริหาร Fed ที่อาจส่งสัญญาณถึงแนวทางการตัดสินนโยบายในการประชุม Fed นัดหน้า ทั้งนี้ เนื่องจากตัวเลขที่ออกมาในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง และ ตลาดเป็นกังวลว่าเงินเฟ้ออาจสูงขึ้นจากประเด็นสงครามการค้า ตลาด Futures จึงมองว่า Fed จะยังไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมกราคม
ปัจจัยในประเทศ: นักลงทุนควรติดตามตัวเลข CPI เดือนธันวาคมของไทยที่จะประกาศในวันนี้ โดย consensus คาดว่าดัชนีเงินเฟ้อทั่วไป (headline CPI) จะเร่งตัวขึ้นเป็น 1.40% YoY จาก 0.95% YoY แต่
ไม่น่าจะส่งผลต่อการประชุมตัดสินนโยบายการเงินของ กนง.
ยังเน้นธีมหุ้นในบทวิเคราะห์กลยุทธ์เดือนมกราคม คือกลุ่มผู้บริโภค, ท่องเที่ยว และ นิคมอุตสาหกรรม
เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ ๆ เข้ามาในตลาด และ นักลงทุนยังรอดูความชัดเจนจากประเด็นสงครามการค้า 2.0 และ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ เราจึงยังคงคำแนะนำตามบทวิเคราะห์กลยุทธ์เดือนมกราคม โดยมองว่าธีมหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ i) กลุ่มผู้บริโภคที่จะได้อานิสงส์จากมาตรการ Easy e-Receipt อย่างเช่น CRC* และ COM7* ii) กลุ่มท่องเที่ยวซึ่งน่าราคาหุ้นมี risk-reward น่าสนใจอย่างเช่น AOT* และ iii) ธีมนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะได้อานิสงส์จากนโยบายกีดกันทางการค้าของ Trump