วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US PPI

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US PPI

ทางเทคนิค คาด SET Index อ่อนตัว แนวรับ 1,349/1,340 จุด แนวต้าน 1,360/1,366 จุด โดยภาพระยะกลางอยู่ในรูปแบบ Sideways กรอบใหญ่ 1,273-1,716 จุด

ส่วนแนวโน้มระยะสั้นอยู่ในแนวโน้มขาลง รูปแบบ Rounding Top และอยู่ระหว่างการลุ้นรีบาวนด์ ด้วยการสร้างรูปแบบ Hammer ในทิศทางขาลง วานนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณกลับตัว Reversal Pattern โดยจะยืนยันสัญญาณรีบาวนด์ (ซื้อตาม) หากดัชนีฯ วันนี้สามารถสร้าง Higher High ด้วยวอล่มสูงขึ้น มิฉะนั้น ดัชนีฯอาจลงลึกไปทดสอบแนวรับเดิมที่ 1,332 จุด กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ รอซื้อเมื่อเกิดสัญญาณซื้อรอบใหม่ทางเทคนิค

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US PPI

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US PPI

ประเด็น Event สำคัญวันนี้ 

World Bank: ออกรายงาน Semiannual Global Economic Prospects

TH: รัฐบาลจัดงาน ”พระราชพิธีสมมงคล”เนื่องในโอกาสพระชนมายุของพระเจ้าอยู่หัว เท่ากับรัชกาลที่ 1 ประกอบด้วย 7 กิจกรรมสำคัญ

TH: 4Q24E Earnings Results: TISCO เป็นธนาคารแรกที่จะรายงานงบการเงินวันนี้ โดย KTX คาดรายงานกำไรสุทธิ -5.5% YoY, -1.8% QoQ เป็น 1,682 ล้านบาท ทั้งนี้ KTX คาดกำไร 6 หุ้นในกลุ่มธนาคารใน 4Q24 (เริ่มประกาศวันที่ 14 ม.ค.) รวมอยู่ที่ 3.92 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% YoY โดยมีปัจจัยหนุนหลักมาจากการตั้งสำรองที่ลดลง หลังการเร่งบริหารจัดการ NPLs เชิงรุกในช่วงที่ผ่านมา หากเปรียบเทียบรายไตรมาส -10.3% QoQ จาก 1) NIM ลดลงจากผลของการปรับลดดอกเบี้ยของกนง. และ 2) Cost-to-income ที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล ด้านสินเชื่อ ฟื้นตัวเล็กน้อย +0.7% QoQ (แต่ยังหดตัว 1.3% YoY) จากการรักษาระดับความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เราคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคาร “มากกว่าตลาด” ด้วยปัจจัย 1) คาดว่าอัตราการตั้งสำรอง (Credit cost cycle) มีแนวโน้มปรับลดลงกลับสู่ระดับปกติในปี 2025E หลังจากธนาคารเคลียร์ NPLs ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา 2) แรงกดดันต่อ NIM ลดลง และธนาคารเริ่มให้ความสำคัญกับการบริหารเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ 3) ROE และอัตราผลตอบแทนปันผลมีทิศทางเพิ่มขึ้น หนุนโอกาสการซื้อขายในระดับ PBV ที่สูงขึ้น (re-rate valuation) 

ทั้งนี้ KKP มีแนวโน้มโดดเด่นสุด ในด้านกำไรสุทธิ (ตั้งสำรองลดลง) ขณะที่ KBANK มีความโดดเด่นสุดในด้านการลดการตั้งสำรอง(เป็นเพียงธนาคารเดียวที่ตั้งสำรองลดลงทั้ง QoQ และ YoY) และ BBL มีความโดดเด่นสุดในด้านพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากมุ่งเน้นลูกค้าธุรกิจ รายใหญ่และสินเชื่อต่างประเทศ

US: วันที่ 14-23 ม.ค. เป็นวันที่ รมว.คลัง เยลเล่น ส่งสัญญาณเตือนเพดานหนี้สหรัฐจะแตะเพดาน (Debt Ceiling) โดยในช่วงดังกล่าว คลังจะเริ่มใช้มาตรการพิเศษ ได้แก่ การระงับจ่ายเงินให้กับโครงการออมทรัพย์ของพนักงานรัฐบาลบางส่วน การชะลอลงทุนในกองทุนของรัฐบาลบางส่วน การเลื่อนประมูลหลักทรัพย์ ฯลฯ เพื่อที่จะชำระหนี้ได้ต่อไปอีกชั่วคราว แต่สภาคองเกรสจะต้องจัดการแก้ไขปัญหาเพดานหนี้โดยเร็ว เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างรุนแรง โดยหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ปัจจุบันอยู่ที่ 34 ล้านล้านดอลล์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 124.35% ของ GDP

US: สุนทรพจน์ Fed New York John Williams, Fed Kansas City Jeffrey Schmid จับตาสัญญาณดอกเบี้ยครั้งต่อไป

South Korea: ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีการประกาศกฎอัยการศึกของอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอก ยอล

JP: สุนทรพจน์ของรองผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น Ryozo Himino จับตาสัญญาณต่อทิศทางดอกเบี้ยของ BOJ

Hong Kong: GS จัดงาน Global Macro Conference (จนถึงวันที่ 15 ม.ค.)

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US PPI

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US PPI

 

 

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US PPI

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US PPI

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US PPI