วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Down ตามทิศทางตลาดภูมิภาค จากความกังวลสงครามการค้า หลัง “ทรัมป์” ปธน.สหรัฐ ขู่ขึ้นภาษีนำเข้ายุโรปและแคนาดามากกว่าที่ประกาศไว้
หากทั้งสองประเทศสร้างความเสียหายต่อเศรษฐฏิจสหรัฐ มีแรงขายกดดันนำโดยหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และค้าปลีก ขณะที่มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร และไอซีที เป็นปัจจัยช่วยพยุงดัชนี นักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐในวันนี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,187.90 จุด -2.46 จุด -0.21% มูลค่าการซื้อขาย 27,605.35 ลบ. Program Trading +407.69 ลบ. ต่างชาติ +1,172.20 ลบ. TFEX -3,567 สัญญา ตราสารหนี้ +4,268.60 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 69.92 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นติดต่อกันสองวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าคาด และแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัว ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมิน ผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่จะมีต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
+ สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 GDP ประจา 4Q67 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.4% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ที่ระดับ 2.3% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่พุ่งขึ้น 4%
+ ครม.เห็นชอบ. ร่าง พรบ.ธุรกิจสถานบันเทิงฯ ตามข้อเสนอของกฤษฎีกา พร้อมส่งสภาฯ พิจารณาต่อไป ยืนยันเน้นลงทุนเพื่อการท่องเที่ยวเป็นหลัก “กาสิโน”ต้องไม่เกิน 10 % ของเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กทั้งหมด
+ ครม.อนุมัติ พ.ร.ก.เพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. ช่วยสร้างความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยได้ สามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้เร็วมากขึ้น พร้อมช่วยป้องปรามผู้ที่คิดจะกระทำความผิดเกิดเกรงกลัว
+คาดที่ประชุมครม.พิจารณาแพคเกจเที่ยวไทยคนละครึ่งก่อนเม.ย. คาดพ.ค.เปิดลงทะเบียน เฟสแรก 1 ล้านสิทธิ
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 155.09 จุด หรือ -0.37% โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากการที่ปธน.ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ร่วงลงอย่างหนัก
- ปธน.ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันพุธที่ 26 มี.ค. เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กในอัตรา 25% จากเดิมที่ระดับ 2.5% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. ส่วนการเรียกเก็บภาษีชิ้นส่วนรถยนต์จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เม.ย.
- สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 224,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 226,000 ราย
- ปธน.ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ โพสต์ผ่านแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล (Truth Social) เตือนว่าจะขึ้นภาษีนำเข้ากับสหภาพยุโรป (EU) และแคนาดา ในอัตราที่สูงกว่าที่เคยประกาศไว้มาก หากทั้งสองร่วมมือกันสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อสหรัฐฯ
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยปี 68 คาดจะขยายตัว 2.8% แต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นทั้งเรื่องมาตรการภาษีสหรัฐ อาจกระทบเศรษฐกิจไทยให้ลดลง 0.35-0.50% และความเสี่ยงภาค การท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่กังวลความปลอดภัย
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ ขณะที่ในประเทศมีประเด็นบวกจากครม.เห็นชอบ. ร่าง พรบ. Entertainment Complex มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,180-1,195 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO
• กรณี ธปท.ผ่อนปรนมาตรการ LTV แนะนา top pick หุ้นที่อยู่อาศัย ได้แก่ AP LH SIRI SC SPALI QH
• ครม.เห็นชอบ. ร่าง พรบ. Entertainment Complex : VGI BTS PLANB
หุ้นรายงานพิเศษ
KCG "ซื้อ" Bloomberg consensus 12.00 บาท Upside 45%
"กำไร 4Q67 +112%QoQ และ +15%YoY ปี 67 +33%YoY"
•งวด 4Q67 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 163 ลบ. +112%QoQ +15%YoY (สูงกว่าตลาดคาด 10%) โดยมีรายได้จากการขาย +44%QoQ +14%YoY จากการเติบโตของยอดขายทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และทุกช่องทางการจำหน่าย อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 31% เติบโตจาก 30% ใน 3Q67 เนื่องจาก U-rate เพิ่มขึ้น แต่ลดลงจาก 33% ใน 4Q66 เนื่องจากภาพรวมต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ %SG&A เท่ากับ 23% ลดลงจาก 25% ใน 3Q67 และ 4Q66 จากการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 6% เพิ่มขึ้นจาก 4% ใน 3Q67 และทรงตัว ใน 4Q66 ทั้งนี้ปี 67 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 406 ลบ. +33%YoY
•ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโต 5-9% ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และทุกช่องทางการจำหน่าย จากดีมานด์ที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการออกสินค้าใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าลด %SG&A ราว 0.2-0.3% จากการใช้งานโครงการ Logistics Park เต็มปี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้าคงคลังและการกระจายสินค้า เป็นปัจจัยหนุน ผลประกอบการเพิ่มเติม
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการปี 68 คาดเติบโตต่อเนื่อง จากดีมานด์ที่ยังคงขยายตัว ประกอบกับการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ โดย Bloomberg consensus คาดกำไรปี 68 เฉลี่ย 448 ลบ. +10%YoY ราคาเหมาะสม 12 บาท มี Upside 45% ราคาหุ้น -0.6%YTD ซื้อขายที่ PE 11x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม 13x เราจึงแนะนำ "ซื้อ" (บริษัทจ่ายปันผล 0.41 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ราว 5% XD 6/5/68 วันจ่าย 23/5/68)
หุ้นมีข่าว
(+) DITTO (Bloomberg Consensus - บาท) เดินหน้าโทเคนคาร์บอนเครดิต ทั้งยูทิลิตี้โทเคน และอินเวสต์เมนต์โทเคน ชู ก.ล.ต. หนุนวงการดิจิทัล รอขาย 40 ล้านโทเคนคาร์บอนเครดิตป่าชายเลน แย้มกระแส AI ส่งเสริมงานชุก ทั้งในเชิงแปลงเอกสารดิจิทัล และต่อยอดให้บริการด้าน AI แย้มเตรียมปิดดีล 1 ลูกค้าใหญ่ ดันเป้าปีนี้โตตามแผน 20-30% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) TOA (Bloomberg Consensus 19.30 บาท) เพิ่มไลน์สินค้าในยุควงการสีแข่งเดือด จับมือยักษ์สุขภัณฑ์จีนรับเป็นตัวแทนจำหน่าย มองมูลค่าตลาด 2 หมื่นล้านบาท คาดเปิดตัวเป็นทางการปลายเมษายนนี้ ชูโถส้วมอัจฉริยะเป็นสินค้าเรือธง ปีนี้ชิมลางเป้า 10 ล้านบาท จาก 300 SKU และหวัง 3 ปียอดขายแตะ 200 ล้านบาท จากทั้งลูกค้าโครงการและลูกค้าทั่วไป โดยปรับปรุงโชว์รูมรองรับ 1 แห่ง และปีหน้าเปิดอีก 2-3 แห่ง แย้มสนใจนำเข้าสินค้าประเภทอื่นมาจำหน่ายเพิ่มเติม (ที่มา ทันหุ้น)
(+) KTC (Bloomberg Consensus 49.00 บาท) เผย แนวโน้มของสินเชื่อรถยนต์ "เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน" ยังเติบโตได้ดีในไตรมาส 1/2568 ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้ 3 พันล้านบาท เป้าหมาย ล่าสุดได้จับมือ "ไปรษณีย์ไทย" เพื่อให้สามารถกระจายการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เพิ่มขึ้น นำร่องใน 5 จังหวัด หวังการให้สินเชื่อประมาณ 450 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) KLINIQ (ราคาเหมาะสม 36.00 บาท) ชูกลยุทธ์เติบโตผ่าน 3 แบรนด์หลัก จับกลุ่มลูกค้าทุก เซ็กเมนต์ เร่งเดินหน้าขยายสาขาปีนี้อย่างน้อย 10 สาขา พร้อมพัฒนาแบรนด์ใหม่ มุ่งลงทุนเทคโนโลยีใหม่ปั๊มยอดขาย แย้มแผน 3 ปี ธุรกิจศัลยกรรม-เวลเนส สู่แถวหน้า หลังจัดตั้งโรงพยาบาลศัลยกรรม (ที่มา ทันหุ้น)