‘BlockFi' ล้มละลาย โดมิโนตัวแรกจาก FTX กูรู ชี้ ระวัง'แพลตฟอร์มกู้ยืม'
สถานการณ์ในตลาด“คริปโทเคอร์เรนซี”ยังคงร้อนแรง หลังจากที่ FTX ยื่นล้มละลาย ทำให้ตลาดตั้งคำถามว่าวิกฤตครั้งนี้จะเกิด“โดมิโนเอฟเฟกต์”อีกครั้งหรือไม่? หลังจากที่แพลตฟอร์มคริปโททยอยประกาศ“ล้มละลาย” จากการขาดสภาพคล่องของแพลตฟอร์มที่มีบริการปล่อย“กู้ยืม”
BlockFi เป็นผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์หรือที่เรียกว่า DeFi ที่มีผลิตภัณฑ์หลักเป็นการให้ “ฝากเงินคริปโทกินดอกเบี้ยสูง” ก่อนที่ทาง ก.ล.ต.สหรัฐจะเข้าตรวจสอบเมื่อปีที่แล้ว และต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 100 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ BlockFi ประกาศระงับการถอนเงินของลูกค้า โดยยอมรับว่าธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการล้มละลายของ FTX ที่ได้มีการยื่นล้มละลาย จากนั้นไม่นาน BlockFi ได้ยื่นขอล้มละลายในบทที่ 11 ในวันที่ 28 พ.ย.65 ตามการยื่นต่อศาลล้มละลายของสหรัฐ ในนามบริษัทและบริษัทย่อยทั้ง 8 แห่ง
โยงสัมพันธ์‘FTX’
เมื่อเดือน มิ.ย.65 ที่ผ่านมา FTX ได้เข้าซื้อกิจการ BlockFi มีมูลค่าการซื้อกิจการอยู่ที่ 25 ล้านดอลลาร์ ลดลง 99% จากมูลค่ากิจการครั้งสุดท้ายที่ BlockFi เพิ่มทุนที่ 4,800 ล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ BlockFi ประสบปัญหาขาดแคลนเงินทุน ทำให้ FTX เข้ามาให้วงเงินกู้ฉุกเฉิน 250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินจำนวนนี้ทำให้บริษัทสามารถอยู่ได้ในระยะสั้นเท่านั้น
ในขณะนี้บริษัท BlockFi มีเงินสดเพียง 256.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต้องการรักษาเสถียรภาพของบริษัท โดยยืนยันว่าจะจ่ายค่าจ้างพนักงานต่อไปโดยไม่หยุดชะงัก นอกจากนี้ยังจะพยายามจัดสรรการทำงานของพนักงาน และสร้างแผนในการลดค่าใช้จ่าย
การที่ BlockFi ได้ยื่นล้มละลายในบทที่ 11 จะช่วยให้สามารถสร้างเสถียรภาพให้กับธุรกิจและสามารถบรรลุผลตามแผนการปรับโครงสร้างองค์กรที่เพิ่มมูลค่าสูงสุดเพื่อผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการยื่นล้มละลายครั้งนี้ โดยในเอกสารระบุว่ามีเจ้าหนี้มากกว่า 1 แสนราย โดยมีสินทรัพย์และหนี้สินระหว่าง 1 พันล้านดอลลาร์ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัทที่เปิดเผยมียอดเงินเกือบ 28 ล้านดอลลาร์
วิกฤติแพลตฟอร์ม‘คริปโท’
การที่“ไบแนนซ์” แพลตฟอร์มคริปโทอันดับ 1 ของโลก ยินดีเข้าไปอุ้มแพลตฟอร์มคริปโทอื่นๆอย่าง FTX แต่ท้ายที่สุดได้มีการ“ล้มดีล” เพราะสถานะทางการเงินที่ย่ำแย่ คล้ายกับการปฏิเสธการเข้าซื้อแพลตฟอร์มคริปโท BlockFi และ Genesis ที่ประกาศว่าต้องการเงินทุนเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องถึง 1 พันล้านดอลลาร์ และลดราคาลงมาเหลือ 500 ล้านดอลลาร์เพราะต้องการให้ไบแนนซ์ช่วยเหลือ
นายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทคริปโตมายด์แอดไวเซอรี่ จำกัด หรือ Cryptomind เปิดเผยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้หลังจากที่ FTX ประกาศล้มละลายเป็นความเลวร้ายอีกครั้งที่เกิดขึ้นใน“ตลาดหมีคริปโท” ซึ่งตลาดมีการณ์คาดการก่อนแล้วว่า BlockFi จะได้รับผลกระทบโดยตรงเพราะการเข้าซื้อกิจการของ FTX แต่ยังต้องติดตามต่อไปว่าการล้มละลายของ FTX มีการเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มใดอีกบ้าง เชื่อว่ามีอีกหลายๆเจ้าในตลาดที่เสี่ยงล้มละลาย สำหรับแพลตฟอร์มที่ทำเรื่อง“การกู้ยืม” ที่มีสินทรัพย์น้อยกว่าจำนวนการกู้ยืมที่เข้ามา คาดว่านักลงทุนที่ได้รับความเสียหายจะต้องรอกระบวนการการพักชำระหนี้เป็นเวลายาวนานกว่าจะได้รับเงินทุนคืน