นักวิเคราะห์ชี้ยังไม่มีสัญญาณโยกเงินตลาดคริปโทฯไปซบสินทรัพย์ดั้งเดิม

เงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่สูญหายไปเมื่อบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ล้มละลายนั้น ทำให้เกิดคำถามว่า การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในตลาดคริปโทฯ อาจจะไหลไปสู่ระบบการเงินอื่น ๆ หรือไม่

นายเลธ คาลาฟ หัวหน้านักวิเคราะห์การลงทุนของเอเจ เบลล์กล่าวในรายการ "Squawk Box Europe" ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีเมื่อวันพุธ (14 ธ.ค.) ว่า "ตลาดคริปโทฯ มีเงินจำนวนมาก แต่มันถูกสร้างขึ้นเป็นระบบนิเวศที่แยกจากกัน"

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวก็ไม่ได้รับประกันว่า ตลาดจะไม่เกิดการทับซ้อนกันในอนาคต

ทั้งนี้ ในเอกสารที่ยื่นต่อศาลทั้ง 2 ฉบับนั้น ทนายความของ FTX ระบุเมื่อเดือนพ.ย.ว่า บริษัทอาจมีเจ้าหนี้มากกว่า 1 ล้านราย และเป็นหนี้เจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน 50 อันดับแรกอยู่ราว 3.1 พันล้านดอลลาร์

ด้านราคาบิตคอยน์ เคลื่อนไหวเมื่อเวลา 08.23 น.ของวันนี้ (18ธ.ค.)ปรับตัวขึ้น 0.30% เคลื่อนไหวที่ 16,719.2 ดอลลาร์

การปรับตัวขึ้นของราคาบิตคอยน์ช่วงเช้าวันนี้ มีขึ้นหลังจากราคาร่วงลงต่ำกว่าระดับ 17,000 ดอลลาร์ เมื่อวันศุกร์ (16ธ.ค.)หลังจากที่ Mazars Group ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีระดับโลก ประกาศระงับการให้บริการต่อลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งรวมถึง Binance, KuCoin และ Crypto.com

ทั้งนี้ Mazars Group เป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีที่มีเจ้าหน้าที่มากกว่า 42,000 คน และให้บริการมากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก

Mazars Group ประกาศระงับการให้บริการดังกล่าว เนื่องจากกังวลต่อการที่บริษัทในธุรกิจคริปโทฯ นำรายงาน Proof of Reserves Reports มาแสดงเป็นหลักฐานบ่งชี้ความมั่นคงทางการเงินของบริษัท ซึ่งอาจสร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน

ทั้งนี้ Proof of Reserves Reports เป็นรายงานที่ Mazars Group ออกให้แก่ลูกค้า หลังการตรวจสอบบัญชี

"Mazars Group ได้จัดทำ Proof of Reserves Reports ตามมาตรฐานของการรายงาน โดยขึ้นอยู่กับกระบวนการที่มีการตกลงกับลูกค้า ซึ่งรายงานดังกล่าวไม่ถือเป็นการรับประกัน หรือเป็นการแสดงความคิดเห็นด้านการตรวจสอบบัญชีต่อชิ้นงานที่ได้รับมอบหมายแต่อย่างใด โดยเป็นเพียงรายงานการตรวจสอบที่จำกัด และขึ้นอยู่กับกระบวนการที่ได้ตกลงกันเกี่ยวกับชิ้นงานที่ได้รับมอบหมายในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น" แถลงการณ์ระบุ

แถลงดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีหลายแห่งพากันหาหลักฐานแสดงสถานะความมั่นคงทางการเงินเพื่อสร้างความมั่นใจต่อลูกค้า หลังเกิดกรณีการล้มละลายของ FTX, BlockFi รวมทั้งกองทุน Three Arrows Capital ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการฉ้อโกงและการฟอกเงิน