ก.ล.ต.สั่งปรับ "เอกลาภ" Zipmex ฐานระงับเทรด -ฝากถอนในTrade wallet -Zwallet
ก.ล.ต.เปรียบเทียบปรับ "เอกลาภ ยิ้มวิไล"ซีอีโอ Zipmex 2 กรณีรวม 1.92 ล้าน เหตุ ระงับการให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดหรือบางส่วน -ระงับการให้บริการฝากถอนทรัพย์สินของลูกค้าใน Trade wallet - Zwallet พร้อมปรับ" ซิปเม็กซ์" อีก 6.95 แสนบาท กรณีเปิดเผยข้อมูลไม่ครบถ้วน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยข้อมูลข้อมูลการบังคับใช้กฎหมาย โดยเปรียบเทียบปรับ นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) จำนวน 2 กรณี มูลค่ารวม 1,920,000 บาท
ทั้งนี้เนื่องจาก นายเอกลาภ ซึ่งรับผิดชอบการดำเนินงานของ Zipmex สั่งการหรือกระทำการอันเป็นเหตุให้ระหว่างวันที่ 20 - 28 ก.ค. 2565 โดยZipmex ระงับการให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (trading rules) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และโดยปฏิบัติไม่เป็นไปตามมาตรฐานในฐานะผู้มีวิชาชีพพึงกระทำและเป็นการไม่ให้บริการอย่างมีคุณภาพ เปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบที่ 23/2565 โดยปรับเป็นเงิน 540,000.00 บาท
ส่วนอีกกรณีคือ สั่งการหรือกระทำการอันเป็นเหตุให้ระหว่างวันที่ 20 ก.ค. 2565 - 25 ส.ค. 2565 Zipmex ระงับการให้บริการฝากถอนทรัพย์สินของลูกค้าใน Trade wallet และ Z-wallet โดยปฏิบัติไม่เป็นไปตามมาตรฐานในฐานะผู้มีวิชาชีพพึงกระทำและเป็นการไม่ให้บริการอย่างมีคุณภาพ เปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบที่ 23/2565 โดยปรับเป็นเงิน 1,380,000.00 บาท
นอกจากนี้เปรียบเทียบปรับ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด เนื่องจากในช่วงระหว่างวันที่ 7 เม.ย. -19 ก.ค. 2565 บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด ("Zipmex") ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการหรือตัดสินใจลงทุนไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศกำหนด
โดยข้อมูลที่ Zipmex ไม่เปิดเผยให้ครบถ้วนเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการนำทรัพย์สินลูกค้าไปลงทุนต่อ ความเสี่ยงเกี่ยวกับโปรแกรม ZipUp+ รวมถึงความขัดแย้งทางผลประโยชน์และความสัมพันธ์ระหว่างกันของ Zipmex กับ Zipmex Asia Pte. Ltd. และ Zipmex Pte. Ltd. เปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบที่ 22/2565 โดยปรับเป็นเงิน 695,000.00 บาท