‘เรย์ ดาลิโอ’ เตือนรับมือวิกฤตค่าเงิน ชี้ตัวการสำคัญจาก ‘เงินเฟียต’ ที่ถูกพิมพ์ออกมามากเกินไป

ในขณะที่ “บิตคอยน์” ถูกขนานนามว่าเป็นอนาคตของสกุลเงิน แต่ เรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates กองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มองว่า “ยังไม่มีความเสถียร”มากพอ และสเตเบิลคอยน์ (Stablecoins) ซึ่งอาจปลอดภัยกว่า”บิตคอยน์”

ดาลิโอ มองว่า สิ่งที่ดีที่สุดในสินทรัพย์ดิจิทัล คือเหรียญที่เชื่อมโยงกับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งสามารถรับประกันมูลค่าการซื้อขายได้

โดยเหรียญดิจิทัลที่”ดี”ในสายตาของดาลิโอ ควรสร้างเหรียญที่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าสามารถออมเงิน หรือนำการลงทุนไปใช้ในช่วงเวลาหนึ่งและทำธุรกรรมได้ ซึ่งในอนาคตจะได้เห็นการพัฒนาของเหรียญที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนอาจเป็นเหรียญที่น่าดึงดูดและใช้งานได้จริงอย่างไรก็ตามเหรียญนั้นไม่อาจใช่”บิตคอยน์”

 

 ‘วิกฤตค่าเงิน’ กำลังก่อตัว

เรย์ ดาลิโอ เตือน “วิกฤตค่าเงิน” กำลังจะเกิดขึ้น จากการตกอยู่ท่ามกลางโลกการเงินที่กำลังพิมพ์เงินมากเกินไป และไม่ใช่เพียงแค่ในสหรัฐอเมริเท่านั้น พร้อมกับเสริมว่าตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล คือ โทเคน ที่มีความเชื่อมโยงกับเงินเฟ้อ

ดาลิโอ ให้สัมภาษณ์กับ CNBC พร้อมกับยืนยันว่า “บิตคอยน์” หรือ คริปโทเคอเรนซี่ ที่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าตลาดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และประณามความคิดเห็นที่ว่าบิตคอยน์เป็น “ที่เก็บมูลค่าที่ปลอดภัย”

"บิตคอยน์ไม่ใช่เงินที่มีประสิทธิภาพ บิตคอยน์ไม่ใช่เครื่องเก็บความมั่งคั่งที่มีประสิทธิภาพ บิตคอยน์ไม่ใช่สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่มีประสิทธิภาพ" ในขณะเดียวกัน ดาลิโอชี้ว่าสกุลเงินเฟียต (fiat) ที่ครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเป็นสาเหตุที่แท้จริงของความกังวลใน “วิกฤตค่าเงิน” โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐ ยูโร และเยนญี่ปุ่น

“เราอยู่ในโลกที่เงินตกอยู่ในอันตราย โลกกำลังพิมพ์เงินมากเกินไป และไม่ใช่แค่สหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่พิมพ์มันออกมา” ดาลิโอระบุ

นอกจากนี้ ดาลิโอยังตั้งข้อสังเกตว่าการที่จีนผลักดันการซื้อขายเงินหยวนของจีน และส่งเสริมการใช้เงินหยวนดิจิทัลทำให้เงินสกุลหยวนถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น

 เมื่อไม่นานมานี้ “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” ไปเยือนตะวันออกกลางเพื่อโน้มน้าวการใช้เงินหยวนในข้อตกลงน้ำมัน ซึ่งคุกคามสถานะของเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินหลักที่ใช้ในการค้าสินค้าโภคภัณฑ์

ดาลิโออธิบายให้เห็นภาพชัดเจนมาขึ้นว่า  หากซาอุดีอาระเบียขายน้ำมันเป็นสกุลเงินหยวน แล้วซื้อของจากจีนเป็นสกุลเงินหยวน เมื่อพวกเขาได้เงินหยวนมา พวกเขาก็จะถือเงินหยวนมากขึ้น มันจะเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นของทุนสำรองของพวกเขา” 

พร้อมกับตั้งข้อสังเกตให้ชวนคิดต่อว่า ในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้านั้น จริงๆแล้วเงินคืออะไร? ไม่ใช่แค่ความหมายในฐานะ”สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน” แต่มีความหมายในฐานะ”ผู้ถือครองความมั่งคั่ง”