บิตคอยน์รีบาวนด์ ลุ้นจัดตั้ง’กองทุนBitcoinETF’
ความเคลื่อนไหวราคา“บิตคอยน์” Bitcoin (BTC) เช้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 27,200.08 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในรอบ 2 สัปดาห์ ซึ่งยังไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 30,000 ดอลลาร์มาระยะหนึ่งแล้ว
การปรับตัวขึ้นของราคาบิตคอยน์ทำให้มูลค่าตลาดคริปโท(มาร์เก็ตแคป) เพิ่มขึ้น 4.2% มาอยู่ที่ 1.09 ล้านล้านดอลลาร์ (ข้อมูลจากเทรดดิ้งวิว) หลังจากที่ตลาดคริปโท “ชะลอตัว” ตั้งแต่ 17 ส.ค. โดยเคลื่อนไหวไซด์เวย์ในกรอบด้านล่างที่ 1 - 1.08 ล้านล้านดอลลาร์
อภิชัย เอี่ยมไพศาล นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า "ราคาบิตคอยน์"ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก Grayscale Investments บริษัทจัดการสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกชนะคดีการยื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐในเดือนมิ.ย.2565 หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (ก.ล.ต.สหรัฐ) ไม่อนุมัติคำขอของบริษัทในการเปลี่ยน Bitcoin trust (GBTC) เป็น Bitcoin ETF ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เรื่องที่ตลาดคริปโทเฝ้ารอความชัดเจน
ดังนั้น คำตัดสินของศาลที่ออกมาอาจนำไปสู่การอนุมัติให้ Grayscale สามารถจัดตั้ง Bitcoin ETF ได้ ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานให้กับบริษัทจัดการกองทุนอื่นๆ ที่ยื่นขอจัดตั้งเหมือนกัน อย่าง Blackrock, ARK Invest, Bitwise Asset Management, VanEck, WisdomTree, Invesco และ Galaxy Digital, Fidelity และ Valkyrie ได้รับอนุมัติไปด้วย
รวมทั้งในสัปดาหฺ์หน้ามีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการพิจารณาจัดตั้ง Bitcoin ETF ของ Blackrock โดย ก.ล.ต.สหรัฐเป็นครั้งแรก ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า มีทิศทางที่เป็นไปได้อยู่ 3 แนวทางด้วยกัน คือ ตอบรับ เลื่อน ปฎิเสธ และคาดว่า ก.ล.ต.จะเลื่อนการพิจารณาไปก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นทิศทางใดอาจกระทบต่อตลาดคริปโทแน่นอน
ส่วนอีก 2 เรื่องที่ตลาดเฝ้ารอคือ “นโยบายเศรษฐกิจระดับมหาภาค” เพราะการปรับขึ้นของราคาบิตคอยน์ครั้งนี้ไม่ถือว่าอยู่ในจุดที่“แข็งแกร่ง” เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่กำลังมีความกังวลเกี่ยวกับธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง และมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดไป ซึ่งอาจเป็นผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหมด รวมถึงคริปโทเคอร์เรนซีและบิตคอยน์ด้วย เพราะ เป็นสิ่งที่ตลาดไม่คาดคิด เพราะตั้งแต่ต้นปีตลาดคาดหวังว่าดอกเบี้ยจะปรับตัวขึ้นเพียง 5.1% และช่วงกลางปีคาดว่าจะมีปรับดอกเบี้ยลดลงในช่วงปลายปี แต่ปัจจุบันดอกเบี้ยปรับขึ้นเกินกรอบไปที่ 5.25-5.5%
รวมทั้งบรรยากาศการลงทุนในตลาดยังไม่สดใส สะท้อนจาก ดัชนี Fear & Greed Index หรือดัชนีความกลัวและความโลภ ที่ใช้วัดภาพรวมเกี่ยวกับบรรยกาศของนักลงทุนในตลาดว่ากำลังกลัวหรือโลภมากกว่ากัน ซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับ“ความกลัว”ที่ 39 ซึ่งตลาดคริปโทอยู่ในภาวะนี้มาหลายวันแล้ว
และสุดท้าย คือความชัดเจนด้านกฎหมาย หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐ (U.S. Treasury) กำลังร่างกฎใหม่ที่จะเก็บภาษีจากการเทรดคริปโทและแพลตฟอร์ม DeFi และตั้งหมุดหมายให้เกิดขึ้นจริงภายในปี 2568 อาจกระทบต่อนักลงทุนรายย่อยในช่วงแรกที่จะต้องปรับตัว
ในภาพรวมนักลงทุนควร “เลือกซื้อ” (Selective Play) โดยเน้นไปยังคริปโทที่มีผลประกอบการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
และแนะนำว่านักลงทุนสามารถทยอยสะสมได้และแบ่งการลงทุน โดยเฉพาะคริปโทที่มีมูลค่าตลาดอันดับต้นๆ อย่างเช่น บิตคอยน์(BTC)และอีเธอเรียม( ETH) ซึ่งระหว่างทางอาจจะมีนักลงทุนขายทำกำไรเป็นระยะนั้นเป็นเรื่องปกติ
โดย CoinGlass แพลตฟอร์มคริปโท และ ARK Invest บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเผยตัวชี้วัดใหม่ในการประเมินมูลค่า(Valuation) ของบิตคอยน์ เผยว่า ตอนนี้ราคาบิตคอยน์อยู่ในจุดที่สมดุล( Equilibrium ) คืออยู่ในจุดกึ่งกลาง ไม่ถูก ไม่แพง และสมเหตุสมผลสำหรับการลงทุน
รวมทั้งการทำสถิติสูงสุดใหม่ของ Bitcoin Mining Difficulty หรือค่าความยากในการขุด Bitcoin เมื่อตัวเลขยิ่งสูง ยิ่งแสดงว่ามีการแข่งขันระหว่างนักขุดในการขุด Bitcoin มากขึ้น สะท้อนถึง 1. เครื่องขุดทำงานได้ดีกว่าเดิม และ 2.ผู้ขุดมากขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะมีจำนวนผู้ขุดมากขึ้น เมื่อการที่นักขุดเพิ่มขึ้นหมายถึงว่าราคาบิตคอยน์อยู่ในจุดคุ้มทุนของต้นทุนการขุด อาจเป็นสัญญาณเชิงบวกว่าราคาบิตคอยน์จะไม่ปรับตัวลดลงไปมากกว่านี้แล้ว