หุ้นคริปโท ขานรับราคา Bitcoin พุ่ง กูรูเตือนเสี่ยงสูง แนะลงทุนบิตคอยน์โดยตรง

หลังจากที่นักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด อาจเสร็จสิ้นสุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลง และนำไปสู่แนวโน้มในการลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจของทั่วโลก ทำให้ในปีนี้บิตคอยน์ปรับตัวขึ้นกว่า 142%

ส่งผลทำให้ราคา “หุ้น” ในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีในตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหว “คึกคัก” นำทีมโดย บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) เปิดตลาดราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 5.50% , บมจ. ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) เปิดตลาดพุ่งขึ้น 5.17% , บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ปรับขึ้น 3.92% , บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) ปรับขึ้น 7.69% และ บมจ. เอ็ม วิชั่น (MVP) ปรับขึ้นขึ้นมา 6.77%

 

ดนัย อรุณกิตติชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารกองทุน บลจ.บัวหลวง เปิดเผยว่า โมเมนตัมของหุ้นกลุ่มคริปโทฯ เข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดคริปโทฯ ให้สดใสขึ้นมา หลังจากที่ภาพรวมตลาดสินทรัพย์เสี่ยงถูกกดดันจากเฟด และนักลงทุนคาดหวังในการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย

รวมทั้ง 2 ปัจจัยบวกในตลาดคริปโทฯ ของ “สตอรี่” การอนุมัติกองทุนกองทุน Bitcoin Spot ETF ระหว่างสถาบันการเงินรายใหญ่ อย่าง แบล็กร็อก (Blackrock) และ ก.ล.ต. สหรัฐ รวมถึงเหลืออีกประมาณ 140 วันที่จะเข้าใกล้ Bitcoin Having ที่ทำให้ซัพพลายของบิตคอยน์ลดลง แต่ความต้องการ (ดีมานด์) มีโน้มโน้มที่จะมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อราคาบิตคอยน์

โดยทั้ง 2 ปัจจัยบวกคาดว่าจะได้คำตอบในช่วงต้นปีและปลายปีจะเข้ามาทำให้บรรยากาศการลงทุนภายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล “คึกคัก” และมองว่า ราคาบิตคอยน์จะยังคงแกว่งตัวในกรอบนี้ไปสักระยะ และจะยังไม่ปรับตัวขึ้นแรงไปจนถึงต้นปี 2567 

“หุ้นคริปโทฯ ไทยที่ปรับตัวขึ้น หลายตัวมีคุณภาพแต่ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ “ดี” ยอมรับว่าราคาหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับคริปโทในอดีต ทั้งเหมืองขุดคริปโท ลงทุนในคริปโท หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคริปโทพุ่งขึ้นแรงมากตาม “กระแส” แต่ตอนนี้สภาพตลาดเปลี่ยนแปลงไปแล้ว"

โดยแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มคริปโทว่า มีปัจจัยพื้นฐานที่ต้องคำนึงถึงในการตัดสินใจลงทุน คือ 1.ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นนั้นๆ ถึงลักษณะของธุรกิจที่มีความชัดเจน และแนวโน้มของธุรกิจ 2.สภาพแวดล้อมตลาดที่ปัจจุบันนักลงทุนมีความรู้เรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ถือว่าคริปโทไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับการลงทุนถ้าเทียบกับในอดีต

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโทพุ่งขึ้น นำโดยหุ้น JTS ซึ่งมีพื้นฐานหุ้นเกี่ยวกับการทำเหมืองขุดคริปโทซึ่งชัดเจนที่สุด ทำให้แวลูเอชั่นของราคาหุ้นเติบโตไปตามราคาบิตคอยน์ที่ปรับขึ้น

แต่หากมองไปถึงโครงสร้างการทำธุรกิจยังถือว่าไม่มีความชัดเจนของรูปแบบธุรกิจที่อาจจะคาดการณ์แนวโน้มได้ยาก ตามด้วยหุ้น XPG ของบริษัทเอ็กสปริงแคปปิตอลที่มีบริษัทลูกทำธุรกิจในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลไทย

อย่างไรก็ดี วิจิตร ไม่แนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ หากเทียบพื้นฐานหุ้นกลุ่มอื่นที่มีความน่าสนใจมากกว่า และการลงทุนในบิตคอยน์โดยตรงจะมีความคล่องตัวมากกว่า จากจังหวะเข้าซื้อบิตคอยน์ ซึ่งมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่ชัดเจนกว่าหุ้นคริปโทไทยมาก ทั้งการจัดตั้องกองทุน Spot Bitcoin ETF และ Bitcoin Having 

เพราะที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มคริปโทไทยนี้มีพื้นฐานราคามาจากการ “เก็งกำไร” โดยที่ราคาบิตคอยน์ไม่ได้ขึ้นแรก แต่ราคาหุ้นคริปโทไทยปรับขึ้นจากการเก็งกำไรไปก่อนแล้ว จากการปรับตัวของราคาบิตคอยน์ในรอบก่อน ทำให้ราคาหุ้น JTS ปรับตัวขึ้นจากระดับ 3 บาท ไปสู่รับดับ 100 บาท ทำจุดสูงสุดที่ 586 บาท (25 เม.ษ.65) และปรับฐานลง “เอาตาย” พร้อมกับตลาดคริปโทขาลง ซึ่งสะท้อนว่าราคาหุ้นไม่ได้มีความยั่งยืน ทำให้ในท้ายที่สุดราคาปรับตัวลงในระดับที่เหมาะสมกับมูลค่าของมัน และยังเป็นหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่แน่น สังเกตว่าหุ้นบางตัวที่เลิกทำธุรกิจเหมือนขุดบิตคอยน์ไปแล้ว แต่นักลงทุนยังเข้าใจว่าทำธุรกิจอยู่ 

ทั้งนี้ ราคาของหุ้นกลุ่มคริปโทฯ จะสามารถปรับตัวขึ้นคล้ายกับสถิติในอดีตหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับราคาบิตคอยน์ในครั้งนี้ว่าจะสามารถปรับตัวขึ้นไปที่ระดับไหนและจะมีความ“หวือหวา”มากน้อยแค่ไหน 

อย่างไรก็ดีหุ้นกลุ่มนี้ยังคงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนเฉพาะกลุ่มที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แต่ต้องลงทุนด้วยความระมัดระวังอย่างสูง และสิ่งที่อาจเป็นปัจจัยต่อราคาหุ้นเหมืองขุดคริปโทคือ ราคาค่าไฟที่เป็นส่วนสำคัญในการขุดคริปโทในประเทศไทย