ดาวโจนส์ดีดตัว 172 จุด ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 6
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(8พ.ค.)ปรับตัวขึ้น 172 จุด ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 6 ขณะนักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 172.13 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 39,056.39 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 0.03 จุด หรือ 0.00% ปิดที่ 5,187.67 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 29.80 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 16,302.76 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ทำสถิติช่วงขาขึ้นยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2566
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทจำนวนมากกว่า 400 แห่งในดัชนีเอสแอนด์พี 500 เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2567 แล้ว ซึ่งบริษัทเกือบ 78% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
นายนีล แคชแครี ประธานเฟด สาขามินเนอาโพลิส ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง จนกว่าเฟดจะมีความมั่นใจว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวไปสู่เป้าหมาย
ทั้งนี้ นายแคชแครีระบุว่า ข้อมูลเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาได้ทำให้เกิดคำถามที่ว่า นโยบายการเงินมีความเข้มงวดเพียงพอที่จะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่ระดับ 2% หรือไม่
"ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คืออัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับปัจจุบันต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง แต่ถ้าเงินเฟ้อชะลอตัวลง หรือเราเห็นความอ่อนแอในตลาดแรงงาน เราก็อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย"
"หรือถ้าเราเห็นว่าเงินเฟ้อได้ฝังตัวอยู่ที่ระดับ 3% และเราจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เราก็จะดำเนินการ หากมีความจำเป็น แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ฉากทัศน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธทางเลือกนี้" นายแคชแครีกล่าว
นอกจากนี้ ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิส กล่าวว่า เขาคาดว่าในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมิ.ย. เขาจะระบุในคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2 ครั้งในปีนี้ หรืออาจไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเลย โดยขึ้นอยู่กับข้อมูลเงินเฟ้อที่ได้รับ