‘กูรู’ ยกนโยบายผู้นำสหรัฐ ดัน ‘ราคาคริปโทเคอร์เรนซี’ พุ่ง
‘กูรู’ ยกนโยบายผู้นำสหรัฐ ดัน ‘ราคาคริปโทเคอร์เรนซี’ พุ่ง ระบุ นโยบายของ “ทรัมป์” ค่อนข้างที่จะสนับสนุนบิตคอยน์
ปฏิเสธไม่ได้ปี 2567 เป็นปีทองของ สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) อย่าง “ทองคำ” สะท้อนราคาที่พุ่งทะยาน 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นการทุบสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง สาเหตุหลักๆ จากผลกระทบทางภูมิศาสตร์ และตอกย้ำความกังวลดังกล่าวจนทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกที่เข้ามาซื้อทองคำเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นเกาะป้องกันความไม่แน่นอนของ “เศรษฐกิจ”
ในทางกลับกัน ! สินทรัพย์เสี่ยง อย่าง “คริปโทเคอร์เรนซี” (Cryptocurrency) กลับไม่คึกคักสักเท่าไร... เนื่องจากนักลงทุนรอดูความชัดเจนของผลการเลือกตั้ง “ผู้นำสหรัฐ” แต่ทันที !! กระแสการเลือกตั้งที่ส่วนใหญ่คาดการณ์ ว่า หาก “โดนัลด์ ทรัมป์” กลับมาส่งผล “บิตคอยน์” ราคาพุ่งแตะระดับ 73,544 ดอลลาร์ (ณ เวลา 02.00 น.ตามเวลาไทย) ซึ่งเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ดังนั้น อนาคตสินทรัพย์ดิจิทัลสดใสแน่นอน “กูรู” มีมุมมองต่อสถานการณ์ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ว่า “กำลังรอความชัดเจนเลือกตั้งสหรัฐ”
“กันตณัฐ วุฒิธร” หัวหน้าทีมนักวิเคราะห์สินทรัพย์ดิจิทัล บริษัท บิทคับ แล็บส์ จำกัด มีมุมมองว่า แม้ราคาคริปโทเคอร์เรนซี อาจจะยังไม่โดดเด่นหากเทียบกับราคาทองคำ เนื่องจากตลาดคริปโทฯ รอคอยอยู่คือ “การเลือกตั้ังสหรัฐ” ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.2567 และนโยบายของ “ทรัมป์” ค่อนข้างที่จะสนับสนุนบิตคอยน์เป็นหลัก
หากลงลึกแล้ว “บิตคอยน์” นั้นไม่ได้เงียบเหงา แต่สามารถ Outperform ได้ ซึ่งขณะนี้ใกล้ที่จะ All Time High แต่ทว่าเหรียญอื่นๆ อาจจะไม่ค่อยคึกคัก ดังนั้น ภาพของคริปโทเคอร์เรนซี ในอนาคตที่ต้องจับตาคือ เลือกตั้งสหรัฐประชาชนค่อนข้างคาดหวังกันว่า หากทรัมป์ได้จะส่งผลดีต่อตลาดคริปโทฯ แต่ภาพใหญ่ยังคงรอ Macro Economics เนื่องจากที่ผ่านมาจะเห็นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังอยู่ในช่วงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ ดังนั้น ตลาดคริปโทฯ ยังคงตามไปทิศทางโลก
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสายคริปโทเคอร์เรนซี ต้องรู้จักรอให้เป็น เนื่องจากยังมีปัจจัยหลายๆ ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในการจำกัดความเสี่ยงให้เหมาะสมกับที่นักลงทุนรับได้ ซึ่งภาพรวมของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ยังเป็นไซด์เวย์ที่ยังคงต้องรอ ปัจจัยสำคัญอย่าง Macro Economics
“ณัฐพงษ์ ชรัวสวรรค์” นักวิเคราะห์ บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด ให้มุมมองต่อว่า “บิตคอยน์” ไม่ได้วิ่งตามสินทรัพย์ใดเป็นหลัก แต่ส่วนใหญ่จะวิ่งล้อไปหุ้นบ้าง หรือบางครั้งมีการวิ่งตามทองคำบ้าง แต่พักหลังบิตคอยน์เริ่มมีนิสัยเฉพาะตัวมากขึ้น บวกเหตุผลคริปโทเคอร์เรนซี ที่ยังวิ่งได้ไม่มาก เนื่องจากส่วนใหญ่รอผลการเลือกตั้งสหรัฐ
ทั้งนี้ การหาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ถือเป็นกระแสหลัก ซึ่งในวงการส่วนใหญ่จะมีความชื่นชอบ “ทรัมป์” มากกว่า เนื่องจากทรัมป์ในช่วงหาเสียงมีการโปรโมตคริปโทเคอร์เรนซี เป็นหลัก รวมถึงมีการทำแคมเปญที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซี จึงทำให้มองว่า หากทรัมป์ได้รับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี จะมีแนวโน้มที่ดีกว่า ขณะที่พรรคเดโมแครตค่อนข้างไม่ชัดเจนในช่วงที่หาเสียง
“เบื้องต้นภาพการลงทุนในบิตคอยน์ปีหน้าค่อนข้างสดใส และเป็นเหรียญที่เซฟที่สุด แต่ปัจจุบันนักลงทุนอาจจะต้องรอลุ้นผลเลือกตั้งสหรัฐก่อนว่า จะเป็นใครที่จะได้ตำแหน่งผู้นำสหรัฐในครั้งนี้”
“ชุมพล วงศ์มติกุล” เจ้าของเพจ BitToon ให้ข้อมูลว่า หลายคนมอง “ทองคำ” กับ “บิตคอยน์” ทำหน้าที่เดียวกัน คือ เป็นสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันเงินเฟ้อที่ป้องกันความเสี่ยงจากสงคราม เนื่องจากสามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้ง่าย แต่คนใหญ่ในโลกยังมองว่า คริปโทเคอร์เรนซี หรือบิตคอยน์เป็นแค่ “สินทรัพย์เก็งกำไร” แต่ในมุมกลับกันนักลงทุนบิตคอยน์มองว่า บิตคอยน์ หรือชาวคริปโทเคอร์เรนซี มองว่า มีความปลอดภัยช่วยเซฟเคลื่อนย้ายไปมาได้ และทำหน้าที่เหมือนทองคำ
“เมื่อไหร่ที่เกิดเหตุวิกฤติโลก ไม่ว่าจะเป็นสงคราม หรือโรคระบาด ส่วนใหญ่จะนึกถึงทองคำเป็นอันดับแรก แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ทั่วโลกกลับมีความกังวลในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโทเคอร์เรนซี แต่เก็บเงินสดไว้ก่อน เพื่อมองราคาอาจจะมีการปรับร่วงลงมาจากภาวะที่ไม่ดีต่อโลก และถึงเวลานั้นค่อยนำเงินกลับไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่น คริปโทเคอร์เรนซี ที่ถือเป็นสินทรัพย์เสี่ยงอันดับต้นของโลก”
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจจะต้องกระจายความเสี่ยงในหลากหลายสินทรัพย์ เพราะสุดท้ายเราไม่สามารถรู้ได้ว่า สินทรัพย์ใดจะไปต่อได้ และที่สำคัญต้องมีสภาพคล่องอย่างเงินสดไว้ด้วย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์