‘โดนัลด์ ทรัมป์’ คัมแบกสมัย 2 สู่ 'ยุคทองสกุลเงินดิจิทัล' แบบเป็นมิตร
“คริปโท” พุ่งสูงขึ้น รับแรงหนุนทรัมป์มองบวกอุตสาหกรรมคริปโท ดันราคาบิตคอยน์บวก 38% ในรอบหนึ่งเดือน ปลุกนักลงทุนรายย่อยดันตลาดคึกคักสู่ Mass Adoption
อย่างที่ทราบกันดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ได้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริหาระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ได้คะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 294 เสียง ชนะ กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ได้ไป 223 เสียง นอกจากนี้ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันได้เสียงส่วนใหญ่ครบ 218 เสียง จากทั้งหมด 435 เสียง ส่งผลทำให้การเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 ในครั้งนี้ พรรครีพับลิกันเอาชนะพรรคเดโมแครตไปได้ทั้งหมด ทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดี วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ครองอำนาจฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติได้อย่างสมบูรณ์เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี
สำนักข่าว Bloomberg ขนาดนามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็น “Republican sweep” หรือภาษาไทยที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น “รีพับลิกันแลนด์สไลด์” ที่ทำให้ทรัมป์มีอำนาจทั้งฝ่ายบริหารและบนสภาคองเกรสทั้งสองสภา ที่เรียกว่า Trifecta มีอำนาจมากขึ้นในกากำหนดนโยบายต่างๆ
จะเห็นว่าหลังการเลือกตั้งมีเงินไหลเข้าสู่ตลาดคริปโทฯ อย่างต่อเนื่อง ทำให้บิตคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น และทำให้บิตคอยน์สร้าง All-time high อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าการเพิ่มขึ้นของของสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลมาจากความคาดหวังต่อนโยบาย “เป็นมิตรกับคริปโท” ของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งอาจจะส่งผลให้กฎระเบียบมีความชัดเจน และผ่อนคลายมากขึ้น
ตลาดคริปโทฯ กลับมาคักคักพร้อมการกลับมาของนักลงทุนรายย่อย
เงินสกุลคริปโทเคอร์เรนซีได้กลับมาพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่ารัฐบาลทรัมป์ชุดที่สองจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ทำให้ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นมากกว่า 38% ในรอบหนึ่งเดือน (14 พ.ย. จาก Coinmarketcap) ทำระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 93,434.36 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังส่งบวกกับ Altcoin ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามด้วยเช่นกัน
ซึ่งข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่า มูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่งขึ้นแตะที่ประมาณ 3.11 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 14 พ.ย. โดยบิตคอยน์มีมูลค่าตลาดที่ 1.775 ล้านล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย Ethereum มีมูลค่าตลาดที่ 126,000 ล้านดอลลาร์ Solana มูลค่าตลาดที่ 102,000 ล้านดอลลาร์ และ Dogecoin ที่ 57,000 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า GDP ทางเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศ เช่น อิตาลี (2.38 ล้านล้านดอลลาร์) แคนาดา (2.21 ล้านล้านดอลลาร์) และบราซิล (2.19 ล้านล้านดอลลาร์) และขาดอีกเพียง 0.06 ล้านล้านดอลลาร์เท่านั้นที่จะแซงหน้า GDP ของฝรั่งเศสซึ่งอยู่ที่ 3.17 ล้านล้านดอลลาร์
สำหรับนักลงทุนรายย่อยเห็นการขยับและความสนใจผ่านการกลับมาดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่านักลงทุนรายย่อยกำลังกลับมาสู่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีอีกครั้ง สะท้อนให้เห็นว่าสกุลเงินดิจิทัลนี้กำลังเป็นที่ยอมรับในกระแสหลักมากขึ้น และเป็นลักษณะของนักลงทุนที่กำลังมีความกระตือรือร้านที่จะใช้ประโยชน์จากสภาวะของตลาดที่มีความเอื้ออำนวย รวมถึงการค้นหาบน Google เกี่ยวกับบิตคอยน์ ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน แสดงถึงความสนใจของผู้คนในตลาดที่กำลังกลับมาอีกครั้งการค้นหาคำว่า Bitcoin บน Google search เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศชัยชนะเหนือแฮร์ริส – ที่มา Google Trends
Trifecta อำนาจเบ็ดเสร็จในการกำหนดและเปลี่ยนแปลงนโยบาย
หลังจาก “รีพับลิกันแลนด์สไลด์” ได้ทำให้ทรัมป์มีอำนาจคุมรัฐสภาครองเสียงข้างมากทั้งวุฒิสภา (Senate) และสภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) อย่างเป็นทางการ ยิ่งเพิ่มการคาดหวังในการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีในรัฐสภาชุดหน้า และมั่นใจว่าการโหวตในสภาจะชนะไปอย่างน้อย 2 ปี นอกจากนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายสำนักข่าวระบุว่า ทรัมป์กำลังหาผู้สมัครที่เป็นมิตรกับคริปโทเพื่อดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล รวมถึงคนใกล้ชิดของ Elon Musk และ Vivek Ramaswamy ที่กำลังจะมาเป็นหัวหน้า Department of Government Efficiency (DOGE) ทีมปฏิรูประบบราชการผู้สนับสนุนคริปโทอย่างเปิดเผย
ความหวังในการยกเลิก SAB 121 และการผ่านร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับ ที่เป็นแนวปฏิบัติทางบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการรายงานการถือครองสินทรัพย์คริปโทฯ ของลูกค้า และนโยบายจาก SEC ภายใต้รัฐบาลของ Biden ห้ามไม่ให้ผู้ให้กู้ในสหรัฐฯ ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลคริปโทเคอร์เรนซี เนื่องจากกำหนดให้พวกเขาต้องถือเงินสดจำนวนเท่ากันกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตนถืออยู่ หากสามารถถอดร่างกฎหมายนี้จะทำให้ผู้ลงทุนสถาบันสามารถนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ได้มากขึ้น
ทรัมป์ มีแนวคิดนำบิตคอยน์มาเป็นสินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์ (Bitcoin Strategic Reserve) และถือครองเอาไว้ในระยะยาว หากแนวคิดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ อาจจะกลายเป็นแรงดึงดูดสถาบันขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์เข้ามาถือครองบิตคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
กฎระเบียบที่เป็นมิตรกับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี
เป้าหมายถัดมาก คือ การปลด Gary Gensler ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของผู้สนับสนุนคริปโท ขณะนี้นักลงทุนหวังว่ารัฐบาลใหม่ของทรัมป์จะหาใครสักคนที่เป็นมิตรมาแทนที่ เนื่องจากที่ผ่านมากฎระเบียบที่ไม่ชัดเจน แข็งกร้าวต่อสกุลเงินดิจิทัล โดยปฏิบัติต่อสกุลเงินดิจิทัลเช่นเดียวกับหลักทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิม เช่น หุ้นและพันธบัตร ซึ่งผู้คนในอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลได้เรียกร้องให้มีฎระเบียบอย่างชัดเจน พร้อมปรับเปลี่ยนแนวทางการกำกับดูแลที่ไม่เข้มงวดเกินไป
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปภายใต้การนำของ SEC คนใหม่ ที่เป็นมิตรกับคริปโท อาจจะนำไปสู่ "นโยบายที่มองไปข้างหน้ามากขึ้น" แนวทางการออกกฎหมายและการกำกับดูแลใหม่สามารถสนับสนุนการสร้างคริปโทเคอร์เรนซีใหม่ๆ และเปิดให้มีการใช้งานใหม่ๆ ได้
สรุป
การดำเนินการของรัฐบาลสมัยที่ 2 ของทรัมป์ที่มีอำนาจและเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา จะยิ่งเพิ่มโอกาสการมีอำนาจและจัดการนโยบายต่างๆ ได้มากขึ้น แม้ว่าขณะนี้ยังเป็นการคาดการณ์และเป็นมุมมองที่เป็นในทิศบวก อาจจะส่งผลดีต่อนักลงทุนและผู้นำในอุตสาหกรรมที่ต้องการกฎระเบียบที่ผ่อนปรนมากขึ้น และเป็นการเปิดการทำความรู้จักและเข้าถึงสกุลเงินดิจิทัลในระดับ mass adoption
ที่มา
Bitkub - 7 นโยบายคริปโตที่เราอาจได้เห็นในอนาคตจากโดนัลด์ ทรัมป์
Bloomberg - Trump Wins Republican Trifecta as GOP Retains House Majority
Brave New Coin - The Return of Retail
Google Trends - Bitcoin
Reuters - Crypto market capitalisation hits record $3.2 trillion, CoinGecko says
Bussiness Insider - What the crypto market actually wants from a Trump presidency