“สันติ”ลงพื้นที่สัปดาห์นี้เคลียร์ปม”อีสท์วอเตอร์”ยื้อส่งมอบท่อน้ำอีอีซี

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้ ตนจะลงพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อร่วมตรวจสอบความพร้อมในการส่งมอบทรัพย์สิน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการท่อส่งน้ำภาคตะวันออกหรือท่อส่งน้ำอีอีซี ของบริษัท บริหารจัดการ และพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ ผู้รับสัมปทานรายเดิม เพื่อที่กรมธนารักษ์ จะดำเนินการส่งมอบต่อให้แก่ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ผู้รับสัมปทานรายใหม่  

ทั้งนี้ หลังจากที่วงษ์สยามก่อสร้างชนะการประมูลโครงการท่อน้ำอีอีซี และกรมธนารักษ์ได้จัดให้มีการเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 23 ก.ย.2565 แต่ขณะนี้ การส่งมอบพื้นที่จากผู้รับสัมปทานรายเดิมยังไม่แล้วเสร็จ

“ต้องลงพื้นที่ เพื่อไปเห็นของจริงว่า การส่งมอบมีปัญหาหรือไม่ ในช่วงเปลี่ยนผ่านคู่สัญญาสัมปทานระหว่างอีสท์วอเตอร์กับ วงษ์สยามฯ หากมีจะได้สั่งการเร่งแก้ไข เพื่อให้ทันเวลาการส่งมอบ ถึงแม้จะเหลือเวลาอีก 11 เดือนก็ตาม เนื่องจากท่อส่งน้ำมีหลายส่วน มีทั้งในส่วนตามสัญญา ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.2566  และอีกส่วนคือ กรมธนารักษ์ ได้มอบอำนาจให้อีสท์วอเตอร์บริหารจัดการไปพลางก่อน และเมื่อได้ผู้รับสัมปทานรายใหม่ ก็จะต้องโอนทรัพย์สินส่วนที่ให้บริหารไปพลางก่อนให้กับผู้รับสัมปทานรายใหม่ก่อน จากนั้น ก็ค่อยโอนทรัพย์สินที่อยู่ในสัญญาสัมปทานตามวันเวลาสิ้นสุดสัญญา”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โครงการท่อส่งน้ำอีอีซี แบ่งเป็น  2 ส่วนคือ ท่อส่งน้ำที่ไม่มีสัญญา คือ โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และหนองค้อ-แหลมฉบัง ระยะที่ 2 ในส่วนนี้ อีสท์วอเตอร์ต้องส่งมอบพื้นที่ทันที ส่วนที่มีสัญญา คือ โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 31 ธ.ค.2566 ในส่วนนี้ จะต้องส่งมอบพื้นที่เมื่อสิ้นสุดสัญญา

ทั้งนี้ ทั้งสองโครงการดังกล่าว กรมธนารักษ์ ได้นำมาเปิดประมูลรวมกัน โดยได้ผู้ชนะประมูล คือ วงษ์สยาม ที่ให้ผลตอบแทนรัฐ 2.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 1.ค่าแรกเข้าจำนวน 1.45 พันล้านบาท ชำระครั้งแรกในการเซ็นสัญญาจำนวน 580 ล้านบาท และเมื่อส่งมอบทรัพย์สินอีก 870 ล้านบาท 2.ผลประโยชน์ตอบแทนรายปีๆ ละ 2.9 พันล้านบาท และ 3.ส่วนแบ่งรายได้รายปีๆ ละ 2.13 หมื่นล้านบาท มีระยะสัญญา 30 ปี

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์