10 อันดับ 'กองทุนหุ้นจีน' ผลตอบแทนสุดปัง รับตรุษจีน
“ตรุษจีน” ปีนี้ “ตลาดหุ้นจีน” ยังมีแนวโน้มเป็นบวก สอดคล้องกับสถิติ ในอดีต 20 ปี พบว่า สถิติตั้งแต่ปี 2546 -2565 หากซื้อหุ้นจีน A-shares (ดัชนี CSI 300) ก่อนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน 1-2 สัปดาห์ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.2%-2.8% ด้วยความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก มากกว่า 70%
ปัจจัยสนับสนุนของการกลับทิศของนโยบายควบคุมโควิดของจีน จาก “Zero Covid Policy” เป็น “Live with Covid” เร็วกว่าคาด และสัญญาณผ่อนคลายเกณฑ์คุมเข้มกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาด
ใหญ่ บรรดา “ผู้จัดการกองทุน” ทุกสำนัก ต่างประสานเสียงตรงกันว่า “ตลาดหุ้นจีน “ เป็นอีกหนึ่งตลาดที่เป็นความหวังครั้งใหม่ของการลงทุนในปีนี้
ด้วยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ไต่ขึ้นมาที่ระดับ 4-5% ในปีนี้ โดยในช่วงไตรมาส 2 มีโอกาสแตะระดับ 6.8% จากแรงหนุนการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค สนับสนุนการฟื้นตัวภาคอสังหาริทรัพย์ ที่กำลังจะมาถึงนี้
ตลาด“หุ้นจีน” จะได้ประโยชน์จากอุปสงค์ที่ซ่อนอยู่ในช่วงโควิด และเงินออมที่เก็บไว้ในช่วงโควิด รวมทั้งนักลงทุนสถาบันทั่วโลกยังคง ลดน้ำหนัก (underweight) หุ้น เพิ่มขึ้น 3-5%
ผู้จัดการกองทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ มีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะ หุ้นจีน A-shares ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัว, ระดับมูลค่าไม่แพงและมีปัจจัยฤดูกาลสนับสนุน มีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวต่อ แม้ว่าการเปิดเมืองอาจทำให้เกิดการระบาดเร่งตัวได้ในระยะใกล้ก็ตาม
ลองสำรวจ "กองทุนหุ้นจีน" ที่สามารถทำผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับ ช่วงเทศกาลตรุษจีนในไทย โดยข้อมูลจาก มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ณ 19-20 ม.ค. 2566 นำโดย
อันดับ 1. บลจ.ไทยพาณิชย์ SCBCHEQP มีกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund - All China Equity C- Acc (USD) ผลตอบแทน 11.37%
อันดับ 2. บลจ.พรินซิเพิล PRINCIPAL CHEQ-A
มีกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund - All China Equity C- Acc (USD) ผลตอบแทน 11.35%
อันดับ 3. บลจ.พรินซิเพิล PRINCIPAL CHEQ-C
มีกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund - All China Equity C- Acc (USD) ผลตอบแทน 11.35%
อันดับ 4. บลจ.ไทยพาณิชย์ SCBCHEQA มีกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund - All China Equity C- Acc (USD) ผลตอบแทน 11.27%
อันดับ 5.บลจ.ยูโอบี UCHINA มีกองทุนหลัก UBS (Lux) Equity SICAV - All China (USD) I-A1-acc ผลตอบแทน 10.78%
อันดับ 6. บลจ.วรรณ ONE-ALLCHINA-RA
มีกองทุนหลัก SISF ALL CHINA EQUITY-C USD ผลตอบแทน 10.53%
อันดับ 7.บลจ.กรุงไทย KT-CHINA RMF มีกองทุนหลัก BGF China Fund Class D ผลตอบแทน 10.45%
อันดับ 8. บลจ.ไทยพาณิชย์ SCBCHINA มีกองทุนหลัก UBS (Lux) Equity SICAV - All China (USD) ผลตอบแทน 10.40%
อันดับ 9.บลจ.อเบอร์ดีน ABCNEXT-SSF มีกองทุนหลัก Aberdeen Standard SICAV I – China Next Generation Fund ผลตอบแทน 10.05%
อันดับ 10.บลจ. กรุงศรี KFACHINRMF มีกองทุนหลัก UBS (Lux) Investment SICAV - China A Opportunity (USD) ผลตอบแทน 9.97%
แม้ว่าปีที่ผ่านมามีหลายปัจจัยลบกดดันตลาดการลงทุนแต่ ทว่า "กองทุนหุ้นจีน" กลับมามีเงินไหลเข้าสูงเป็นอันดับสองของรอบปี 2565
ในช่วงท้ายของปีก่อน "ตลาดหุ้นจีน" มีปัจจัยบวกจากแนวโน้มการผ่อนคลายมาตรการโควิดในประเทศ ทำให้การลงทุนหุ้นจีนฟื้นตัวส่งผลให้กองทุนหุ้นจีนมีผลตอบแทนเฉลี่ย 5.3% ในไตรมาสสุดท้าย แต่ในรอบปียังคงติดลบ 27.2% โดยกองทุนที่เน้นหุ้น A Shares มีความผันผวนที่น้อยกว่าในรอบปี แต่ฟื้นตัวได้น้อยที่สุดโดยเฉลี่ยในไตรมาสสุดท้าย
ในขณะที่กลุ่มหุ้นเทคโนโลยีจีนจะฟื้นตัวได้ดีกว่า ในส่วนของเม็ดเงินลงทุน "กองทุนหุ้นจีน" กลับมามีแรงซื้อมากขึ้นในไตรมาสล่าสุดที่เกือบ 6 พันล้านบาท ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นแรงเข้าซื้อในเดือนธันวาคมจากทั้งกองทุนประหยัดภาษีและกองทุนรวมทั่วไป รวมทั้งปีมีเงินไหลเข้าสุทธิสะสม 2.1 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี"กองทุนหุ้นจีน" ปีที่ผ่านมา มีผลตอบแทนติดลบค่อนข้างมาก ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิหดตัว 17.7% แต่ยังมี organic growth เป็นบวกที่ 12.3% ทำให้ กองทุนหุ้นจีน เริ่มกลับเข้ามาอยู่ในเรดาห์ของนักลงทุนในปีนี้ เริ่มทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนกลับเข้ามาตามความเสี่ยงที่รับได้ น่าจะช่วยบาลานซ์พอร์ตลงทุนปีกระต่ายทองมีโอกาสทำผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อและตลาดได้