‘หุ้นจีน’ สัญญาณบวกชัด กูรูฟันธงลงทุนได้ แต่ไม่ควรมีติดพอร์ตเกิน 20%
‘หุ้นจีน’ ส่งสัญญาณสดใส ปัจจัยหนุนอื้อ โดยเฉพาะหลังเปิดเมือง เผยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันดัชนีเซี่ยงไฮ้ขยับขึ้นมาแล้วเฉียด 6% กองทุนชี้ยังลงทุนได้ แต่ไม่ควรมีติดพอร์ตเกิน 15-20% พร้อมย้ำความเสี่ยงใหญ่ที่ต้องจับตา คือ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์กับสหรัฐ
ตั้งแต่เริ่มเปิดศักราชใหม่ของปี 2566 ดูเหมือนหุ้นจีนจะเขียวสดใสขานรับการเปิดประเทศ และหลังจากที่จีนเปิดตลาดหุ้นวันแรกหลังหยุดยาวในช่วงตรุษจีน พบว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยวันที่ 30 ม.ค.66 ปิดทำการที่ระดับ 3,269.32 จุด เพิ่มขึ้น 4.50 จุด หรือ +0.14% และหากนับตั้งแต่ต้นปีดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตขยับขึ้นมาแล้ว 5.8% ซึ่งผู้จัดการกองทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นจีนว่า ตลอดทั้งปีนี้ยังคงมีทิศทางเป็นบวก และจะมีแนวโน้มการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ทหารไทยอีสท์สปริง เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า หลังจากที่จีนมีนโยบายเปิดประเทศทำให้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นเอแชร์ ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีการจดทะเบียนในตลาดหุ้นเซียงไฮ้ และ เสินเจิ้น มีโอกาสในการเติบโตที่สูง จากการบริโภคและการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ หลังจากไตรมาส 1/66 ไปแล้ว จะมีการเติบโตมากเพิ่มมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนไม่ได้เป็นการันตีเสมอไปว่า หุ้นจีนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงดังกล่าวเหมือนกับทองคำ เพราะจากสถิติย้อนหลังก็ยังจะเห็นบางช่วงในเทศกาลตรุษจีน หุ้นจีนติดลบก็มีเช่นกัน เนื่องจากผลตอบแทนในอดีตช่วงตรุษจีนจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจในแต่ละปีเป็นหลัก
สำหรับสถิติย้อนหลัง 3 ปี พบว่าปี 2565 ตรุษจีนอยู่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ในเดือนนั้น หุ้นจีนบวกไป 0.39% แต่ทั้งปีหุ้นจีนลบไป -21.63% , ปี 2564 ตรุษจีนอยู่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์หุ้นจีนลบ -0.28% ทั้งปีตลาดหุ้นจีนลบ -5.2% และปี 2563 ตรุษจีนอยู่ช่วงวีคสุดท้ายของมกราคม ในเดือนนั้น หุ้นจีนติดลบไป -2.26% แต่ทั้งปีหุ้นจีนบวกได้ 27.21%
สำหรับนโยบายการเงินของจีน น่าจะยังคงไม่ได้มีการปรับขึ้่นดอกเบี้ยนโยบายในเร็ว ๆ นี้ ส่วนการกระตุ้นนโยบายเศรษฐกิจการคลังรัฐบาลยังคงมีต่อไป ที่เริ่มเห็นสัญญาณแล้วคือ นโยบายการผ่อนคลายน่าจะมีความผ่อนคลายมากขึ้นจากภาคอสังหา ในเกณฑ์อัตราส่วนทางการเงินที่ภาครัฐกำหนดเอาไว้ของการก่อหนี้ของภาคอสังหา ในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ภาคอสังหาค่อนข้างทรุด ส่งผลให้ในปีนี้ภาคอสังหาน่าจะมีการเติบโต รวมถึงธนาคารพาณิชย์ การจ้างงาน สินเชื่อ เริ่มกลับมาโตได้
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนมี.ค. 2566 จะมีการเปิดตัว คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งอาจเห็นนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติ่มจากการคลัง
สำหรับการเติบโตของจีนที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ปีนี้จะเติบโตได้ 5.1% เทียบกับปลายปีที่แล้วที่คาดว่าจะโตได้ 4.8% เพราะถ้าเทียบกับจีนก่อนโควิดจีดีพีโตได้ 5.5% - 6% ทำให้คาดการว่าจะเติบโตได้ในการที่จีนฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนความเสี่ยงที่ต้องจับตา คือ ด้านภูมิรัฐศาสตร์ สหรัฐกับจีน ในเรื่องของสงครามการค้า และ นโยบายของสี เจิ้น ผิง ต่อคณะรัฐบาลชุดใหม่ที่ค่อนข้างคาดเดายากที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวย แต่อย่างไรก็ตามยังถือว่า เป็นความเสี่ยงที่ไม่รุนแรงมาก ส่งผลให้หุ้นจีนยังคงมีอัพไซด์
ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนว่า หากใครยังไม่มีหุ้นจีนในพอร์ตสามารถเข้าไปเก็บถือว่าไม่ตกขบวน ขณะเดียวกันใครที่มีอยู่แล้วสามารถเข้าไปเก็บเพิ่มได้ แต่หุ้นจีนควรมีติดพอร์ตแค่ 15 -20% เท่านั้น เนื่องจากจีนเป็นอีเมอร์จิ้งมาร์เก็ตประเทศนึงที่ยังไม่ได้เป็นดีเวลลอปมาร์เก็ตที่สามารถถือได้มาก
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC บอกเพิ่มเติมว่า เทศกาลตรุษจีนช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการบริโภคในหลาย ๆ หัวเมือง ยังคงมองเป็นธีมที่น่าสนใจอยู่ในช่วงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ หุ้นจีนปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูง ภาพรวมที่นำมายังคงเป็นกลุ่มเทค ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เติบโตขึ้นประมาณกว่า 30% มาจากปัจจัยราคาที่ค่อนข้างต่ำ ขณะเดียวกันหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคที่ผ่านมามีการปรับตัวสูงขึ้นเหมือนกัน โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการบริโภคสามารถเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมได้ตลอดทั้งปีนี้
โดย บลจ. เอ็มเอฟซี แนวโน้มหุ้นจีน ทิศทางเน้นเป็นหุ้นเอแชร์ เป็นดัชนีหุ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีการจดทะเบียนในตลาดหุ้นเซียงไฮ้ และ เสินเจิ้น มีโอกาสในการเติบโตที่สูง จากการบริโภคและการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ซึ่งหลังจากที่จีนเปิดประเทศจะมีเรื่องของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น จากการบริโภคภายในประเทศที่เติบโตขึ้น
นางสาวชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีที่แล้วที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองซึ่งกระทบการบริโภคในประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง ไปจนถึงความเชื่อมั่นภาคอสังหา ต่างจากปีนี้ที่มีการเปิดเมืองซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อเศรษฐกิจจากนี้ การผ่อนคลายมาตรการจะช่วยกระตุ้นภาคการบริโภครวมทั้งภาคบริการในประเทศมากขึ้นในปีนี้ และตลาดมีการปรับตัวขึ้นมาจากข่าวดีได้ค่อนข้างเร็ว
โดย Morningstar China Index +13.5% นับตั้งแต่ต้นปี (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มกราคม 2023) ขณะที่ตลาดหุ้นจีนในวานนี้ หลังหยุดยาวช่วงตรุษจีนดัชนีก็ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อย