ศุลกากรจับมือ NT พัฒนาระบบใหม่ร่วมให้บริการ NSW แก่ผู้ส่งออกนำเข้า

ศุลกากรจับมือ NT พัฒนาระบบใหม่ร่วมให้บริการ NSW แก่ผู้ส่งออกนำเข้า

ศุลกากรจับมือ NT พัฒนาระบบใหม่พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวก และลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจด้านการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนา และบริหารการจัดเก็บภาษีเปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ได้เข้ามาเป็นผู้ดูแลระบบ National Single Window (NSW) หรือระบบกลางการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์  ณ จุดเดียว ให้แก่กรมฯแล้ว โดยจะทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ และภาคธุรกิจด้านการนำเข้า ส่งออก นำผ่าน และโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการให้สามารถทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน และกับหน่วยงานภาครัฐได้สะดวก ปลอดภัย และเกิดการใช้ข้อมูลร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ต.ค.2561 ที่เห็นชอบให้บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ก่อนจะควบรวมกับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เป็นองค์กรผู้ให้บริการระบบ NSW หรือ NSW Operator ของประเทศ ซึ่งขณะนี้ กรมฯ และ NT ได้ยกระดับการบูรณาการ การทำงาน และพร้อมให้บริการแล้ว

 

สำหรับระบบการให้บริการ NSW นั้น จะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการทั้งนำเข้า และส่งออกในการจัดส่งข้อมูลการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ใบขออนุญาตนำเข้า และส่งออกสินค้า ซึ่ง NSW จะเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับหน่วยงานภาครัฐกว่า 30 หน่วยงาน ถือเป็นการอำนวยความสะดวก และลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการได้มาก ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะเสียค่าธรรมเนียมในการขอใช้บริการประมาณ 20 บาทต่อรายการ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้ามาใช้บริการผ่าน NSW ราว 120 ล้านรายการต่อปี

ทั้งนี้ การให้บริการ NSW ของกรมฯ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2551 แล้ว แต่หลังจากที่ NT พัฒนาระบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ก็เชื่อว่า จะทำให้การให้บริการ NSW สามารถขยายขอบเขตการให้บริการรองรับการส่งออก และนำเข้าในทุกมิติทั้งในประเทศ กลุ่มประเทศอาเซียน และนอกอาเซียน ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศในปี 2566 - 2570

“NT ได้ต่อยอดการพัฒนาระบบ NSW ให้เชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆ มากขึ้น และเพิ่มประเภทข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่แลกเปลี่ยนกันผ่านระบบ โดยปัจจุบันระบบ NSW ให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลทั้งแบบ G2G, B2G และ B2B มากกว่า 10 ล้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ต่อเดือน จำนวนผู้ประกอบการกว่า 15,000 ราย หน่วยงานภาครัฐ 34 หน่วยงาน และหน่วยงานต่างประเทศผ่านการเชื่อมต่อกับ ASEAN Single Window หรือ ASW”

โฆษกกรมศุลกากรยังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน การให้บริการด้านศุลกากรของกรมฯนั้น เป็นไปในลักษณะอิเล็กทรอนิกส์ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ตั้งแต่การขออนุญาตนำเข้าและส่งออก รวมถึง การชำระภาษี ทั้งนี้ กรณีที่มีการแจ้งข้อมูลหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ ทางกรมฯก็ได้ทำการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนอย่างต่อเนื่องว่า อย่าไปหลงเชื่อ และขอให้ติดต่อโดยตรงกับทางกรมฯ เท่านั้น

พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ NT กล่าวว่า หลังจาก NT ได้ร่วมกับกรมศุลกากร และหน่วยงานต่างๆ พัฒนาระบบ NSW ใหม่ต่อยอดจากระบบเดิมที่พัฒนาโดยกรมศุลกากร และได้ทดลองให้บริการมากว่า 1 ปี ปัจจุบัน NT มีความพร้อมในการเปิดให้บริการ NSW เต็มรูปแบบเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ลดการใช้กระดาษ และลดขั้นตอนการติดต่อระหว่างหน่วยงาน หรือการขออนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐ

โดยระบบ NSW ใหม่มีประสิทธิภาพสูง และรองรับรูปแบบธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ใหม่เพิ่มขึ้น เช่น คำขอใบอนุญาตยางพารา เอกสารใบรับรองสุขอนามัยพืชหรือ e-Phyto Certificate ใบขนสินค้าอาเซียน ACDD (ASEAN Customs Declaration Document) และหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ e-Form หรือ ATIGA (ASEAN Trade In Goods Agreement) เป็นต้น โดย NT มีแผนที่จะขยายการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ ให้สามารถรองรับรูปแบบธุรกรรมได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการยกระดับความง่ายในการประกอบธุรกิจ  และสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐในการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2565

“NT มีความตั้งใจที่จะให้บริการ และพัฒนาบริการ NSW อย่างต่อเนื่องเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้มีช่องทางแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ปลอดภัย เกิดการบูรณาการการใช้ข้อมูล เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ยุค 4.0”

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์