กสิกรไทย มองทิศทางบาทอ่อนระยะสั้น เหตุดอลลาร์แข็งค่า - ฤดูกาลจ่ายปันผล
กสิกรไทย เผยเงินบาทกลับทิศอ่อนค่าต่อถึงไตรมาส 2 เหตุเงินเฟ้อสหรัฐยังสูง ดอลลาร์กลับมาแข็งค่า พ่วงปัจจัยด้านฤดูกาลจ่ายเงินปันผล คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังฟื้นตัวแต่ต่ำกว่าศักยภาพ ราว 5% หลายอุตฯ ยังฟื้นช้า ส่งออกหดตัว แต่ท่องเที่ยวดันจีดีพีปีนี้โต 3.7%
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) เปิดเผยว่า ทิศทางค่าเงินบาทในช่วงนี้ค่อนข้างผันผวน และปัจจัยหนุนในทางแข็งค่าเริ่มลดลง น่าจะเห็นบาทอ่อนค่าในระยะสั้นไตรมาส 2 นี้ คาดการณ์กรอบเงินบาทช่วง 4 สัปดาห์จากนี้ที่ 32.59-34.50 บาทต่อดอลลาร์ และมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้
จากปัจจัยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือนม.ค.ที่ชะลอตัวลงน้อยกว่าที่ตลาดคาด และยังผันผวน มีโอกาสที่เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย และค้างไว้ระดับสูงนาน เมื่อดอกเบี้ยสหรัฐขยับขึ้น หนุนดอลลาร์กลับมาแข็งค่าอีกระยะหนึ่ง ขณะที่ตลาดก็ยังถกเถียงกันว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ 1 หรือ 2 ครั้ง เพราะตลาดยังกังวลเศรษฐกิจถดถอยจะกดดันให้เฟดกลับมาลดดอกเบี้ยหรือไม่ ก็ยังต้อรอติดตามเฟดใกล้ชิด
ประกอบกับปัจจัยทางด้านฤดูกาลช่วงเดือนมี.ค.ที่บริษัทญี่ปุ่นในไทยจะต้องเริ่มมีการจ่ายปันผลให้กับบริษัทแม่ในญี่ปุ่น และต่อเนื่องช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. บริษัทจดทะเบียน(บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นต่างชาติ ซึ่งปีก่อนใช้เม็ดเงินกว่า 90,000 ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงประมาณการค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 2566 ที่ 33.80 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ จากการประเมินมูลค่าเงินบาทที่เหมาะสมจากประเทศคู่แข่ง-คู่ค้า ของไทย พบว่า มูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจุบันมูลค่าเงินบาทอยู่สูงกว่าระดับเหมาะสม 2.6% จากค่าเงินบาทช่วงนี้ที่ประมาณ 34.16 บาทต่อดอลลาร์
"ค่าเงินบาทได้รับปัจจัยบวกด้านดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ ที่คาดการณ์ว่าจะเกินดุลประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์ จากปีก่อนหน้าที่ขาดดุล 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ และค่าเงินบาทมีแรงเก็งกำไรเข้ามาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน ด้วยปัจจัยเรื่องจีนเปิดประเทศก่อนกำหนด ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทย ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาทั้งหุ้นและบอนด์ แต่เมื่อถึงระดับหนึ่งก็จะต้องมีการขายทำกำไร รวมถึงเงินดอลลาร์มีแรงหนุนฝั่งแข็งค่า จากความไม่แน่นอนในนโยบายของเฟดประเด็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ทำให้ตลาดเงินมีความผันผวน และปัจจัยด้านฤดูกาลของไทยทำให้แรงส่งด้านแข็งค่าของเงินบาทลดลง ทำให้เห็นเงินบาทอ่อนค่าและจะมีความผันผวนมากขึ้น แต่ทั้งปีแล้วจะยังได้รับปัจจัยบวกจากด้านการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่องอยู่”
นายกอบสิทธิ์ กล่าวว่า ดังนั้น ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดการณ์ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เรายังคงคาดว่า จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าในช่วงปลายเดือนมี.ค. สู่ระดับ 1.75% และคงไว้เพื่อรอดูสถานการณ์ด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงนี้ที่ประเทศไทยน่าจะมีการเลือกตั้งในระยะข้างหน้า และเรายังคงมุมมอง ธปท.อาจพิจารณาเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนถึงระดับ 2.00% ในระยะต่อไป
ทางด้านเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปี 2566 นายกอบสิทธิ์ กล่าวว่า ในปีนี้เป็นปีที่มีความท้าทายและยากลำบากในด้านเศรษฐกิจ จากความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่นำไปสู่การแทรกแซงทางการค้าและส่งผลกระทบในวงกว้างต่อภาพรวมการค้าโลกความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุโรป อย่างสหราชณาจักร และสหรัฐ
ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโต 2.1% น้อยกว่าปีก่อนเติบโต 3.1% ส่วนเศรษฐกิจไทยแม้ในปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้วยแรงหนุนจากการท่องเที่ยวแต่หลังโควิดมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียม บางอุตสาหกรรมฟื้นตัวดีกว่าก่อนโควิดแล้ว
เช่น ภาคบริการ อสังหาริมทรัพย์ การเงิน ไอซีที แต่ยังมีหลายอุตสาหกรรมที่ยังฟื้นตัวได้ต่ำ ทำให้ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังเติบโตต่ำกว่าศักยภาพราว 5% หรือยังต่ำกว่าปี 2562
ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทย คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.7% จากปีก่อน 3.2% จากท่องเที่ยวหนุน คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 25.5 ล้านคน จากปีก่อน ที่ 10.20 ล้านคน เงินเฟ้อ ลดลงอยู่ที่ 3.2% จากปีก่อน 6.3%
ขณะที่แนวโน้มส่งออก ปีนี้คาดหดตัว 0.5% นำเข้า หดตัว -3.8% จากปีก่อน จากความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยชัดเจนมากขึ้น และความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบต่อส่งออกไทย
การผลักดันส่งออกไทยหลังจากนี้ มองว่า ไทยต้องเร่งเจรจา FTA มากขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันหรือเสียเปรียบเวียดนามได้ จากปีก่อนพบว่า สัดส่วนการส่งออกไทยในตลาดโลกลดลง เนื่องจากไทยลงนามการค้าเสรี (FTA) กับประเทศที่มีขนาดเล็ก ทำให้โดยรวมการทำ FTA ของไทย ครอบคลุมจีดีพี 35 ล้านล้านดอลลาร์น้อยกว่าเมื่อเทียบเวียดนามที่ FTA ครอบคลุมจีดีพี 50.6 ล้านล้านดอลลาร์
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์