“อาคม”เร่ง 2 อธิบดีคลังแจงซื้อขายหุ้น”บางจาก”ขณะนั่งบอร์ด
“อาคม”เร่ง 2 อธิบดีคลังแจงซื้อขายหุ้น”บางจาก”ขณะนั่งบอร์ด เพื่อพิจารณาผิดจรรยาบรรณ-อินไซค์ข้อมูลภายในหรือไม่ พร้อมรอข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ร่วมตรวจสอบ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ได้เร่งรัดให้ นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ และนางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเข้าซื้อขายหุ้น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในขณะที่ นั่งเป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในบริษัทดังกล่าว เพื่อนำมาพิจารณาว่า เข้าข่ายการกระทำความผิดในลักษณะใดหรือไม่ ขณะเดียวกัน ต้องรอข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่จัดส่งให้กระทรวงการคลัง ประกอบการพิจารณาด้วย
ทั้งนี้ หากยึดตามมีข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยจรรยาของผู้บริหารกระทรวงคลัง เพื่อป้องกันการขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ.2553 ก็ถือว่าครบกำหนด 30 วันที่ต้องส่งรายงานแล้ว ดังนั้น จึงได้เร่งให้ 2 อธิบดีรายงานข้อมูลการซื้อขายหุ้นบางจากดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การได้มาของหุ้นบางจากของ 2 อธิบดีในฐานะตัวแทนจากกระทรวงการคลังนั้น เป็นไปตามมติคณะกรรมการ(บอร์ด) ที่ให้มีการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อกรรมการหรือพนักงาน (Employee Stock Option Program :ESOP) โดยให้กรรมการคนละ 300,000 หุ้น ส่วนพนักงานจัดสรรให้ตามผลการประเมินงาน ซึ่งบางจากได้ดำเนินการจัดสรรหุ้นให้กรรมการและพนักงานบางจาก เมื่อเดือนธ.ค.2565 และหุ้นจะเข้าบัญชีหลักทรัพย์ (พอร์ต) ในเดือนม.ค.2566 โดยน.ส.กุลยา ได้ชำระเงินซื้อหุ้นบางจากจำนวน 300,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 28.14 บาท ไปเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2565 และขายหุ้นไปเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2566 ในราคาหุ้นละ 34-35 บาท
ส่วนนายจำเริญ ได้มีการซื้อขายหุ้น 4 ครั้ง โดยครั้งแรกซื้อหุ้นจำนวน 200,000 หุ้น วันที่ 22 ธ.ค.2565 ราคาหุ้นละ 31 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 100,000 หุ้น วันที่ 22 ธ.ค.2565 ราคาหุ้นละ 30.75 บาท ครั้งที่ 3 จำนวน 300,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 28.14 บาท (หุ้น ESOP) ส่วนครั้งที่ 4 เป็นการขายหุ้น จำนวน 150,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 34.75 บาท
ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าว ทำให้ปลัดกระทรวงการคลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ สั่งการให้บุคคลทั้งสองรายงานข้อมูลการเข้าซื้อขายหุ้นดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อนำมาตรวจสอบเพิ่มเติม หากพบความผิดปกติ ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน หากไม่พบความผิดปกติ ก็ถือว่า ยุติ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยจรรยาของผู้บริหารกระทรวงการคลัง เพื่อป้องกันการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ.2553 ข้อที่ 9 ระบุว่า ในกรณีผู้บริหารกระทรวงการคลังได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลังไปเป็นกรรมการหรือผู้แทนกระทรวงการคลังในรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคล จากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลนั้น ให้สิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ในฐานะเป็นกรรมการหรือผู้แทนของกระทรวงการคลัง ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังผู้นั้นแจ้งรายละเอียดและเงื่อนไขของหลักทรัพย์ดังกล่าวต่อกระทรวงการคลังภายใน15 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งจากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคล
ทั้งนี้ หากกระทรวงการคลังเห็นว่า หลักทรัพย์ดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายการถือครองหลักทรัพย์หรือนโยบายการลงทุนของรัฐบาลหรือกระทรวงการคลัง ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังโอนสิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าวแก่กระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการต่อไป หากกระทรวงการคลังเห็นว่า หลักทรัพย์ดังกล่าวไม่สอดคล้องกับนโยบายการถือครองหลักทรัพย์หรือการลงทุนของรัฐบาลหรือกระทรวงการคลัง ผู้บริหารกระทรวงการคลังสามารถใช้สิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์นั้นได้ โดยให้รายงานการได้หลักทรัพย์ดังกล่าวตามที่กำหนด
รายงานข่าวระบุ กระทรวงการคลังได้ถือหุ้นในบริษัทบางจาก โดยที่หุ้นดังกล่าวถือว่า เป็นหุ้นนโยบาย ดังนั้น หุ้นที่กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังได้มานั้น จะต้องรายงานต่อกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ดำรงตำแหน่ง หรือวันที่มีการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ครั้งแรก
ทั้งนี้ ในข้อบังคับที่ 15 ระบุด้วยว่า ผู้บริหารกระทรวงการคลังผู้ใดไม่ปฏิบัติดามข้อบังคับนี้ หากเข้าลักษณะการกระทำผิดวินัย ให้ได้รับโทษทางวินัยตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่หากไม่เข้าลักษณะการกระทำผิดวินัย ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ ว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือ หรือสั่งให้ได้รับการพัฒนาตามที่เห็นสมควร นำไปประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนขั้นเงินเดือน หรือ นำไปประกอบการพิจารณาแต่งตั้งการเป็นกรรมการในหน่วยงานของรัฐ