กองทุน ยันปิด SVB กระทบจำกัดไร้แรงไถ่ถอน ก.ล.ต.หารือธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

จากกรณี 3 ธนาคารในสหรัฐต้องปิดกิจการลง จากปัญหาสภาพคล่องนั้น สร้างความกังวลต่อการลงทุนในกองทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะกองทุนหุ้นสหรัฐ ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไทยที่เข้าไปลงทุนในหุ้นทั้ง 3 ธนาคาร  

นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี กล่าวว่า เหตุการณดังกล่าวปัจจัยเฉพาะตัวของSilicon Valley Bank ( SVB) และความเสียหายกระจุก อีกทั้งการที่ทางการสหรัฐเข้ามาดูแลสภาพคล่องอย่างรวด เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบแล้ว

โดยเราประเมินสถานการณ์ในขณะนี้มองว่า ตลาดค่อนข้างคลายกังวล 

ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์ไม่น่าจะลามไปยังแบงก์อื่น แต่ยังติดตาม ผลกระทบอื่นๆ ที่จะตามมาหลังเกิดกรณีดังกล่าว 

และในข่าวร้ายยังมีข่าวดีที่จะทำให้การประชุมเฟดในวันที่ 22 มี.ค.นี้ เฟดอาจชะลอขึ้นดอกเบี้ยกลับมาขึ้นที่ 0.25% หรือคงดอกเบี้ยจากก่อนหน้าเฟดมีส่งสัญญาณเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.5%

 

สำหรับ บลจ.ยูโอบี พบว่า กองทุนต่างประเทศไม่มีการลงทุน SVB โดยตรง แต่เป็นการลงทุนผ่านกองทุนหลักในต่างประเทศ (มาสเตอร์ฟันด์) มีสัดส่วนการลงทุนที่น้อยมากในกองทุนหลัก ทำให้ผลกระทบยังจำกัด และยังไม่มีนัยสำคัญ 

โดยบริษัทกำลังรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากกองทุนหลักในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด และได้สื่อสารทำความเข้าใจกับลูกค้าและช่องทางตัวแทนจำหน่ายที่ติดต่อสอบถามเข้ามาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ลูกค้าผู้ถือหน่วยตื่นตระหนก ทำให้ขณะนี้เรายังไม่พบผู้ถือหน่วยขายหน่วยลงทุนแต่อย่างใด และแนะนำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมต่อสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้

นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมรองรับ ในส่วนของกองทุนตราสารหนี้ หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด มีการไถ่ถอนหน่วยลงทุน สำหรับกองทุนตราสารหนี้ที่ไถ่ถอนได้ทุกวันและต้องการเงิน T+ 1 โดยมีสภาพคล่องได้แก่ พันธบัตร ธปท. ตั๋วเงินคลัง สัดส่วนไม่ต่ำกว่า 40% ของพอร์ตลงทุน      

นายวนา กล่าวว่า ในมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ จากเหตุการณดังกล่าว คาดว่าตลาดจะกลับมาฟื้นตัวได้ในอีก 2-3 วัน โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี กองหุ้นสหรัฐ ที่มีการลงทุนหุ้นธุรกิจอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี ที่ได้รับผลกระทบแรงมาจากความกลัวต่อเหตุการณ์นี้ ที่อาจยังเหวี่ยงต่อเนื่อง จากในช่วง 3 วันก่อนหน้าตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง 3% มองว่ายังเป็นระดับปกติ 

นางสาวนภนวลพรรณ ภวสันต์ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า จากสถานการณ์แบงก์ 3 แห่งในสหรัฐปิดการนั้น ซึ่งมีผลต่อความเคลื่อนไวของราคาเหรียญดิจิทัลนั้น ซึ่งในวานนี้ (ก.ล.ต.) ได้มีการประชุมร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และสมาคมที่เกี่ยวข้อง เพื่อซักซ้อมมาตรการรับมือและการติดตามสถานการณ์ และรับฟังความคิดเห็น

ทั้งนี้ในจากการหารือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ได้รับผลกระทบน้อย และไม่ได้เป็นผลกระทบโดยตรง ซึ่งก็จะมีการติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง โดยก.ล.ต.ให้ความสำคัญในเรื่องความเสี่ยงของผู้ประกอบธุรกิจ และ การคุ้มครองทรัพย์สินของผู้ลงทุน

นอกจากนี้ก.ล.ต.ได้รับข้อเสนอแนะเพื่อนำไปปรับปรุงเกณฑ์เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ลงทุน เช่น การปรับเกณฑ์เพื่อส่งเสริมให้มีคัสโตเดียนเกิดขึ้น ตามกฎหมายไทย เพื่อให้ผู้นักลงทุนมั่นใจว่าจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายไทย จากปัจจุบันเกณฑ์ดังกล่าวมีอยู่แล้วแต่จะแก้บางอย่างเพื่อสนับสนุนให้มีผู้เข้ามายื่นขอใบอนุญาต และมาตรการระยะสั้นคือมาตการติดต่อผู้ประกอบการยามฉุกเฉิน