บลจ.วรรณ แจงกองทุน ONE-GLOBFIN ไร้กระทบ แบงก์สหรัฐล้ม

บลจ.วรรณ แจงกองทุน ONE-GLOBFIN ไร้กระทบ แบงก์สหรัฐล้ม

บลจ.วรรณ แจงกองทุน ONE-GLOBFIN มีกองทุนหลัก BGF World Financials Fund ลงทุนหุ้น SVB 2.2% และ Signature Bank 1.8% เป็นการลงทุนทางอ้อมผ่านดัชนี ETF ในสัดส่วนไม่มีนัยสำคัญ และผลกระทบจำกัดจากเหตุการณ์3แบงก์สหรัฐล้มกระทบเชิงลบต่อเซ็นทริเมนท์หุ้นกลุ่มการเงินระยะสั้น

จากเหตุการณ์Silicon Valley Bank (SVB) และ Signature Bank ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ได้ถูกสั่งปิดกิจการ บลจ.วรรณ ได้ชี้แจงว่า  บริษัทได้ประเมินผลกระทบต่อการลงทุนจากเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่า กองทุนส่วนใหญ่ของ บลจ.วรรณ ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่ได้มีการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธนาคารทั้ง 2 แห่ง

มีเพียงกองทุนเปิดวรรณ โกลบอล ไฟแนนเชียล  (ONE-GLOBFIN) ซึ่งกองทุนหลัก BGF World Financials Fund มีการ ลงทุนหุ้น SVB อยู่ประมาณ 2.2% และ Signature Bank ประมาณ 1.8% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ณ สิ้น เดือน ก.พ. 2566 (ข้อมูลได้รับจากกองทุนรวมหลัก ณ วันที่ 13 มี.ค. 2566)

ในส่วนของกองทุนรวมอื่นๆ บลจ.วรรณมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นทั้งสองบริษัทอย่างไม่มีนัยสำคัญ โดยทั้งหมดเป็นการลงทุนผ่านกองทุนดัชนี ETF

สำหรับกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวม ได้แก่ กองทุน 1US-OPP มี สัดส่วนประมาณ 0.017%, ONE-PREMIER และ ONE-ULTRA มีสัดส่วนประมาณ 0.001% (มีเพียง Signature Bank) (ข้อมูล ณ วันที่ 9 มี.ค. 2566)

บลจ.วรรณ มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาคการเงินโลกค่อนข้างจำกัดเฉพาะในกลุ่มธนาคารที่มีฐาน ลูกค้าในธุรกิจขนาดเล็ก/กลุ่มเทคโนโลยี/FIntech และมีโอกาสค่อนข้างน้อยที่จะก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่

เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการบริหารสภาพคล่องที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอเป็นหลัก โดยในปัจจุบัน สถานะทาง การเงินของภาคธนาคารแข็งแกร่งกว่าในช่วงที่เคยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2008 การเข้ามาควบคุมสถานการณ์จากภาครัฐอย่างรวดเร็วเป็นส่วนส าคัญที่ช่วยให้ปัญหาไม่ลุกลามและยืดเยื้อ ผ่าน โครงการ "Bank Term Funding Program" โดยผู้ฝากเงินทั้งหมดสามารถถอนเงินตัวเองได้เต็มจ านวนตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. 2023

ทั้งนี้ บลจ.วรรณ คาดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อ Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินในระยะ สั้น และกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Growth ที่มีความผันผวนสูง และบริษัทยังไม่ได้มีผล กำไรที่ยังต้องพึ่งการสนับสนุนจากทางการอยู่ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้อาจจะยังถูกกดดันจากความกังวลด้านเศรษฐกิจถดถอย หลัง Fed มีแนวโน้มในการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป (Higher for longer)