บลจ.กรุงศรี สแกน'หุ้นไทย' ไตรมาส2/66 ดัชนีแกว่งไซด์เวย์ ลุ้นอัพไซด์ปลายปี

บลจ.กรุงศรี สแกน'หุ้นไทย' ไตรมาส2/66 ดัชนีแกว่งไซด์เวย์ ลุ้นอัพไซด์ปลายปี

บลจ.กรุงศรี มองหุ้นไทยไตรมาส 2 ปีนี้ ทิศทางดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ไม่หลุดแนวรับ 1,520 จุด แต่ยังแกว่งตัวไซด์เวย์ระดับนี้ แม้นักท่องเที่ยวจีน-เลือกตั้งในประเทศหนุน-กำไรบจ.สดใส เหตุรอปัญหาแบงก์ต่างชาติหายฝุ่นตลบ มองปลายปีมีอัพไซด์คงเป้าดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,750 จุด

 นายศิระ คล่องวิชา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า บลจ.กรุงศรี ยังคงมองบวกต่อต่อตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2 ปีนี้ คาดมีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องแต่แกว่งตัวไซดเวย์ขึ้นลงระดับนี้ไม่หวือหวาและมีแนวรับแข็งแกร่ง ไม่น่าหลุดระดับ 1,520 จุด  

 จากความกังวลปัญหาธนาคารในสหรัฐและยุโรปผ่อนคลายลงและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง  ขณะที่ปัจจัยบวกในประเทศหนุนทั้งท่องเที่ยวโดยเฉพาะการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนหลังเปิดประเทศ และการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนพ.ค. ซึ่งโดยปกติก่อนและหลังเลือกตั้ง 1 เดือน ดัชนีตลาดหุ้นไทยบวกเล็กน้อย  อีกทั้งผลประกอบการกำไรจดทะเบียนในไตรมาส 1 /2566 ที่จะทยอยประกาศออกมาคาดว่าปรับตัวดีขึ้น

แต่อย่างไรก็ตามแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในครึ่งแรกปีนี้ มองว่า การลงทุนหุ้นไทย ยังต้องระมัดระวัง แนะรอติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศให้ชัดเจนก่อน  ปัจจุบันในมุมมองของผู้จัดการกองทุน บลจ.กรุงศรี เริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นต่อการแก้ไขปัญหาระบบแบงก์ในสหรัฐและยุโรปแล้วราว 80 % หลังจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ หารือและประสานให้ความช่วยเหลือ 5 แบงก์ทั้งในสหรัฐและยุโรป ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ซ้ำรอยสมัยวิกฤตเลห์แมน บราเธอร์ส แม้ว่าหลังจากนี้อาจมีแบงก์เล็กๆ เริ่มมีปัญหาตามมาก็ตาม แต่ผลกระทบไม่น่าจะรุนแรงและยังเชื่อมั่นว่าทางการแต่ละประเทศจะคุมสถานการณ์ได้ 

ดังนั้น การปรับตัวขึ้นของดัชนีหุ้นไทยน่าจะเห็นชัดเจนในช่วงปลายปีนี้  ตามทิศทางกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยปีนี้ นายศิริะ คาดว่ากำไรบจ.ปีนี้ ยังเติบโตดีกว่าปีก่อน และหากเศรษฐกิจต่างประเทศสามารถควบคุมปัญหาแบงก์ได้ และไม่เกิดภาวะถดถอยรุนแรง จะส่งผลดีการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น จะเป็นบวกต่อการส่งออกไทย และเป็นอัพไซด์เพิ่มต่อเศรษฐกิจไทยรวมถึงตลาดหุ้นไทยในปีนี้ด้วยเช่นกัน  รวมถึงเงินลงทุนต่างชาติ(ฟันด์โฟลว์) น่าจะเริ่มไหลกลับมา ดังนั้นบลจ.กรุงศรี ยังคงมุมมองดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้ไว้ที่ 1,750 จุด

ขณะที่ทิศทางของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟดใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว  ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ของธปท. ยังเป็นการขึ้นค่อยเป็นค่อยไป คาดว่าในปีนี้น่าจะขึ้นได้อีก 1-2ครั้ง ครั้งละ 0.25% จากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.75%  มองว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับดังกล่าว ไม่ได้กดดันตลาดหุ้นไทย

เพราะการปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นจะสะท้อนว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีแล้ว  ทำให้กำไรบริษัทจดทะเบียนไทย มีโอกาสปรับตัวดีขึ้น  โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 และฐานต่ำปีก่อน  ประกอบกับมองว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยน่าจะเข้าสู่กรอบเป้าหมายระดับ 3% ได้ในช่วงกลางปีนี้ ทำให้มีเซ็นทริเมนต์เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้  

“ปีนี้เรามองว่าตลาดหุ้นไทยอัพไซด์จำกัด เพราะว่าปีก่อนตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ หลายตลาดปรับตัวลงมากกว่า 20% แต่ด้วยทิศทางการลงทุนปีนี้น่าจะปรับตัวดีกว่าปีก่อน ทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศน่าจะมีอัพไซด์มากกว่าหุ้นไทย  ดังนั้น ปัจจัยที่จะหนุนดัชนีหุ้นไทยมากที่สุดในปีนี้   คือ กำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมากกว่าที่คาดไว้หรือไม่ ” 

นายศิระ ยังแนะนำการลงทุนหุ้นไทย ในช่วงไตรมาส2ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกยังผันผวนแรงว่า ตลาดหุ้นไทย ยังมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง โดยนักลงทุนยังจำเป็นต้องการกระจายความเสี่ยงการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อบริหารสภาพคล่อง ลดความผันผวนและมีโอกาสเพิ่มผลตอบแทนได้ที่ดีเเมื่อตลาดปรับตัวขึ้น   

หากเป็นนักลงทุนที่รับเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง ควรแบ่งสัดส่วนพอร์ตลงทุน เป็นหุ้น 50% ตราสารหนี้และเงินสด 50%  โดยในพอร์ตหุ้น ควรมีสัดส่วนหุ้นไทย 40% เน้นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวและเลือกตั้ง ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก และสื่อสาร ยังโดดเด่น 

ในสัดส่วนอีก 60% เป็นหุ้นต่างประเทศ สามารถทยอยเข้าสะสมในหุ้นจีน กลุ่มหุ้นเทคโนโลยี และพลังงานหมุนเวียน อย่างน้อยสัดส่วน 10% รวมถึงกระจายการลงทุนหุ้นทั่วโลก ที่มีแบรนด์เติบโตแข็งแกร่ง


นอกจากนี้ ฝั่งการลงทุนตราสารหนี้ แนะว่าเน้นปรับพอร์ตลงทุน พักเงินในตราสารหนี้ระยะสั้น ประเภทเทอมฟันด์ อายุเฉลี่ย 6 เดือน – 1 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.4% ซึ่งบลจ.กรุงศรี จะทยอยออกกองใหม่ สำหรับกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยและต้องการความอุ่นใจในการลงทุนช่วงนี้