นักวิเคราะห์ชี้‘เลือกตั้ง’ ดันหุ้นไทยแตะ1,642 จุด
"นักวิเคราะห์” เชื่อการเลือกตั้ง-เศรษฐกิจฟื้น หนุนดัชนีหุ้นไทยไตรมาส2/66 แตะ 1,642 จุด คาดสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,707จุด แนะพรรคการเมือง กระตุ้นศก.เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน -ชะลอการเก็บภาษีหุ้น -ฟื้นกองทุนLTFฟกลับมา -หนุนลงทุนในอุตฯเป้าหมาย ดึงดูดต่างชาติลงทุน
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน หรือ IAA เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ถึงมุมมองการลงทุนในไตรมาส 2 -4ของปี2566 ว่า นักวิเคราะห์มีความเห็นว่าทิศทางการลงทุนปี2566 ยังได้ผลบวกที่ชัดเจนจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ เศรษฐกิจภายในประเทศ มีผู้โหวตถึง 92% , การเมืองในประเทศมีผู้โหวตถึง 85%และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ปี2566 มีผู้โหวต 73%
โดยคาดการณ์การขยายตัวของGDPไทยปี2566 จากเดิมที่3.6% ลงมาเหลือ3.5%ยังอยู่ในระดับที่ดี และราคาน้ำมันดิบปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่83.04ดอลลาร์ ซึ่งลดลงจากการปรับสำรวจครั้งก่อน ที่87.22ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนปัจจัยด้านลบนั้นมองว่าจากผลกระทบธนาคารในสหรัฐล้มเศรษฐกิจต่างประเทศ และการลด หรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE)ของประเทศสำคัญทั่วโลก
สำหรับปัจจัยที่ควรจับตามองที่มีผลต่อการขับเคลื่อนตลาดหุ้นในไตรมาส 2 ส่วนใหญ่มองว่าเป็นการเลือกตั้งภายในประเทศ และการจัดการของเฟดต่อปัญหาสถาบันการเงิน ส่วนนโยบายดอกเบี้ยด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง.ในช่วงเม.ย.ถึงสิ้นปี2566คาดว่าจะคงที่
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS)ปี2566ของตลาดเฉลี่ยที่ 95.77 บาทต่อหุ้น ปรับลดจากครั้งก่อนอยู่ที่105.34บาทต่อหุ้นและคาดการณ์EPS Growthของปี2566อยู่ที่13.02%
นายสมบัติ กล่าวว่า นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน คาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยช่วงไตรมาสที่2ปี2566 เป็นทิศทางบวก ซึ่งคาดดัชนีสิ้นไตรมาส2 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,642 จุด โดยแกว่งตัวในกรอบ1,601-1,700 จุด
ส่วนมุมมองดัชนีตั้งแต่ไตรมาส2 ถึงสิ้นปี2566 คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ1,508 -1,721จุด และคาดดัชนีสิ้นปี2566 จะอยู่ที่1,707 จุด ซึ่งลดลง 34 จุด จากคาดการณ์ครั้งก่อนคาดอยู่ที่ 1,741จุด เป็นผลจากกำไร บจ. ไตรมาส 4 ปี 2565 ที่ลดลง
สำหรับคำแนะนำการลงทุนนั้นแนะให้กระจายพอร์ตการลงทุนใกล้เคียงครั้งก่อน ที่มีสัดส่วนหุ้นไทย หรือกองทุนหุ้นไทย 27.39%ของพอร์ตลงทุน พร้อมแนะให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ,ท่องเที่ยว และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ขณะที่ให้ลดน้ำหนักกลุ่มไฟแนนซ์ (นอนแบงก์) ,ปิโตรเคมีพลังงานและสาธารณูปโภค
โดยหุ้นแนะนำ 5 หุ้นเด่น ได้แก่ ADVANC และAMATA เพราะ คาดผลประกอบการปีนี้กลับมาเติบโต ส่วนAOTได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวเข้ามาต่อเนื่องหนุนกำไร,BBLรับประโยชน์สูงสุดจากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้นสินเชื่อโตต่อ และCPALLปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ส่วนหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงได้แก่หุ้นที่วิ่งขึ้นมากกว่า1,000% เพราะราคาเกินมูลค่าปัจจัยพื้นฐานไปมาก
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนำไปยังพรรคการเมือง เกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจที่คุ้มค่ากับผลกระทบทางงบประมาณ โดยส่วนใหญ่กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้น และระยะยาวแยกเป็นการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการลงทุนภาครัฐที่หนุนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจรวมทั้งลดการใช้จ่ายภาครัฐและการกู้เพิ่ม
รวมถึงแนะให้มีนโยบายช่วยเหลือภาคประชาชน ได้แก่ชะลอการเก็บภาษีหุ้น สนับสนุนการออมเงิน และนำกองทุนLTFกลับมา
อีกทั้งต้องกระตุ้นการจ้างงานในประเทศ และตามมาด้วยนโยบายกระตุ้นการลงทุนสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายหามุมมองใหม่ช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และขยายตลาดสินค้าไทย