‘ไทยรี’หวังรีเทิร์นลงทุนปีนี้กว่า3% ตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น
“ไทยรี ” เผยปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยราว 25-30% ตามตลาดต่างประเทศ หนุนเบี้ยรับปีนี้โตกว่า 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 4 พันล้าน พร้อมเจรจาสตาร์ตอัปรายใหม่เพิ่มเติม ดันธุรกิจสู่อินชัวร์เทค คาดผลตอบแทนการลงทุนปีนี้ 3-3.5%
นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดประกันภัยต่อหลังโควิดได้ปรับขึ้นราคาเบี้ยตามไปด้วยไม่ต่ำกว่า 25-30% ตามตลาดต่างประเทศ ทำให้ปีนี้ต้นทุนบริษัทประกันภัยเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งการปรับราคาเบี้ยเป็นประโยชน์ต่อผู้รับประกันภัยต่อมากขึ้นและไม่กระทบลูกค้ารายย่อยทั่วไป เพราะสุดท้ายบริษัทประกันภัยต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับตัวเองมากขึ้น เช่น ลดค่าคอมมิชชั่น ดังนั้นน่าจะเป็นผลบวกต่อไทยรีเช่นกัน
สำหรับ แผนธุรกิจปี 2566 วางเป้าหมายเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จาก ปี 2565 มีเบี้ยรับประกันภัยต่อราว 4,000 ล้านบาท ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 แต่ปี2566 จะไม่มีผลกระทบดังกล่าวแล้ว น่าจะสะท้อนให้เห็นว่า 1. สถานการณ์กลับมาปกติ และ 2. ค่าเบี้ยประกันภัยต่อสูงขึ้นด้วย
สำหรับกลยุทธ์การตลาดปีนี้บริษัทมุ่งเน้นการรับประกันภัยต่อจากบริษัทประกันชีวิตมากขึ้น เพราะยังเป็นตลาดที่แข็งแกร่งมีกำไร เชื่อจะเป็นโอกาสให้บริษัททำกำไรเติบโตดีขึ้น ปัจจุบันมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 55% จาก 45% ขณะที่การรับประกันภัยต่อจากบริษัทประกันวินาศภัยมีสัดส่วนลดลงเป็น 45% จาก 55%
อีกทั้งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาสตาร์ตอัปรายอื่นๆ เพิ่มเติม นอกจากความร่วมมือผ่านบริษัทลูก คือ บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG หลังเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มเทคโนโลยี มุ่งเดินหน้านำเทคโนโลยี AI มาพลิกโฉมอุตสาหกรรมประกันก้าวสู่อินชัวร์เทคและมีแผนขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ทางด้านแนวทางการบริหารพอร์ตลงทุนของบริษัทยังระมัดระวัง โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่ยังคงสัดส่วนในรูปแบบพันธบัตรและเงินฝาก โดยทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จะได้รับผลตอบแทนดีขึ้นด้วย ส่วนการลงทุนในหุ้น เน้นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก มีการลงทุนในต่างประเทศไม่มากนัก คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนปีนี้อยู่ที่ 3-3.5%
ในกลุ่มเทคโนโลยีแล้ว มุ่งเดินหน้านำเทคโนโลยี ิมาพลิกโฉมอุตสาหกรรมประกันก้าวสู่อินชัวร์เทคและมีแผนขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ทางด้านแนวทางการบริหารพอร์ตลงทุนของบริษัทยังระมัดระวัง โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่ยังคงสัดส่วนในรูปแบบพันธบัตรและเงินฝาก โดยทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จะได้รับผลตอบแทนดีขึ้นด้วย ส่วนการลงทุนในหุ้น เน้นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก มีการลงทุนในต่างประเทศไม่มากนัก คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนปีนี้อยู่ที่ 3-3.5%